Page 266 - kpi17968
P. 266
255
ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าคนแต่ละฝ่ายในสังคมจะให้ความหมาย “ประชาธิปไตย”
แตกต่างกัน และถึงแม้ว่าจะมีความสืบเนื่องของวัฒนธรรมการเมืองจากสมัย
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ในบางมิติ แต่ในอีกหลายมิติก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เพราะมีความ
เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างลึกซึ้งกว้างขวางอันทำให้เกิดกลุ่ม
คนใหม่ๆ ขึ้นมาในสังคมการเมืองไทย รวมทั้งองค์ประกอบของชนชั้นนำ
43
ก็เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก ทำให้เกิดความสัมพันธ์เชิงอำนาจในลักษณะใหม่
และการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจมีลักษณะที่แตกต่างจากเดิม โดยที่การต่อสู้หรือต่อรอง
ของฝ่ายต่างๆ ล้วนแต่อาศัยการสร้างความชอบธรรมภายใต้อุดมการณ์
ประชาธิปไตยและมีลักษณะเสมอภาคมากขึ้น เช่น ทุกฝ่ายให้ความสำคัญแก่
การเมืองมวลชนและประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (แม้ว่าจะมีการให้ความหมาย
หรือมีจุดเน้นที่แตกต่างกัน) แม้แต่คณะรัฐประหารก็จำเป็นต้องแสดงเจตจำนงให้
ปรากฏ ว่าจะนำประเทศกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว
ท่ามกลางโครงสร้างการเมืองที่เปลี่ยนแปลง และการแย่งชิงทรัพยากรสูง
ขึ้น ประชาชนทุกชั้นได้หาทางเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรและการต่อ
รองทางการเมือง จึงเห็นได้ว่าเกิดการขยายตัวของการเมืองภาคประชาชนและ
การเมืองภาคพลเมือง เกิด “ประชาสังคม” ในรูปแบบและวัตถุประสงค์ที่
หลากหลาย และมีการเคลื่อนไหวทางสังคมแนวใหม่ (new social movements)
ทั้งของคนชนบทและคนในเขตเมืองกว้างขวางขึ้น นำไปสู่วัฒนธรรมทางการเมือง
แบบใหม่ของภาคประชาชน เป็นวัฒนธรรมทางการเมืองที่ให้ความสำคัญแก่
ประชาชนในการจัดการชีวิตและปัญหาต่างๆ ร่วมกัน แทนการพึ่งพารัฐและฝาก
ความหวังไว้กับระบอบรัฐสภาเพียงอย่างเดียว การเคลื่อนไหวของภาคประชาชน
ดังกล่าวนี้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ความสำนึก
ในสิทธิความเป็นพลเมือง สิทธิชุมชน การมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ
ทางการเมือง และบางประเด็นที่ “ประชาสังคม” บางกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้อง
43 เช่น การที่กลุ่มทุนในส่วนภูมิภาคได้ส่วนแบ่งของอำนาจในทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา
และการที่กลุ่มทุนใหญ่มีอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองเหนือข้าราชการและเทคโนแครตใน
ครึ่งหลังของทศวรรษ 2540-2550.
การประชุมกลุมยอยที่ 2