Page 299 - kpi17073
P. 299
298 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
2. ให้มีการแยกการบริหารจากการเมืองอย่างเด็ดขาด เพื่อฝ่ายบริหาร (ข้าราชการ) จะได้
สามารถวางตัวเป็นกลางในทางการเมือง
ต่อมาประธานาธิบดีคนที่ 28 ของสหรัฐอเมริกา คือ Mr. Woodrow Wilson ได้เสนอ
แนวคิดเกี่ยวกับการบริหารแยกจาการเมืองโดยเขียนบทความเรื่อง “The Study of Administration”
และเผยแพร่ในปี ค.ศ. 1887 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบบริหารให้มีประสิทธิภาพต้องแยกการบริหารออกจาก
การเมืองให้เด็ดขาด โดยฝ่ายการเมืองมีหน้าที่ในการออกกำหมาย กำหนดนโยบายสาธารณะ
ต่างๆ ฝ่ายบริหารมีหน้าที่นำเอานโยบายออกไปปฏิบัติให้บรรลุผลตามเป้าหมาย และต้องมีความ
เป็นอิสระ ปลอดจากอิทธิพลในทางการเมือง ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม
โปร่งใส โดยยึดหลักการบริหารที่ดีเป็นแนวทางในการทำงาน
2. เพื่อผลิตเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีคุณภาพ ข้าราชการควรต้องผ่านการฝึกอบรมวิชาการ
บริหารงานของรัฐ เพื่อให้เป็นข้าราชการที่มีทักษะความรู้ ความสามารถ ในการคิดหาวิธีการ
ทำงานให้บรรลุผลได้อย่างดี
3. ประชาชนต้องสนใจเรียนรู้ ติดตามการบริหารงานของรัฐ ทำหน้าที่เป็นตัวถ่วงดุลและ
ตรวจสอบการใช้อำนาจของข้าราชการและนักการเมือง เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล
ไม่ถูกต้องชอบธรรม และสื่อมวลชนต้องกล้าหาข่าวเชิงสบสวน เพื่อหาความจริงเผยแพร่ให้สังคม
ได้รับรู้และกดดันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม
จะเห็นได้ว่าอำนาจหน้าที่ของฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำของสหรัฐอเมริกาเหมือน
กับประเทศไทย คือ ฝ่ายการเมืองเป็นผู้กำหนดนโยบาย ส่วนข้าราชการประจำเป็นผู้นำนโยบาย
ไปปฏิบัติ ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ตามกรอบอำนาจของตัวเอง และเมื่อเกิดการก้าวก่ายในอำนาจ
หน้าที่ของกันและกันแล้ว จึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของการ
ทุจริตคอร์รัปชั่น จึงต้องนำมาสู่การปฏิรูประบบราชการของสหรัฐอเมริกาในที่สุด โดยมีการ
แบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำเป็นกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อ
ป้องกันไม่ให้แต่ละฝ่ายก้าวก่ายอำนาจซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ ศ. ดร.วิษณุ เครืองาม ได้กล่าวถึง ความสัมพันธ์ของข้าราชการประจำ
และข้าราชการการเมืองในอดีตก่อนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองต่างฝ่ายก็ต่างปฏิบัติงาน
ในหน้าที่ของตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน โดยฝ่ายข้าราชการประจำมีปลัดทูลฉลองเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
ส่วนข้าราชการการเมืองมีเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด เสนาบดีจะว่าการเฉพาะ Policy ส่วน
ราชการทั้งปวงให้ขึ้นตรงต่อปลัดทูลฉลอง การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นภาระของปลัดทูลฉลอง แต่หลัง
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3 กฎหมาย ทำให้เกิดระบบข้าราชการการเมืองขึ้น มีการกำหนด อำนาจ หน้าที่ และสิทธิประโยชน์
จากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สถานะข้าราชการฝ่ายการเมืองก็เปลี่ยนไป มีการปรับปรุง
ของข้าราชการการเมืองในทางกฎหมาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายเริ่มมีความสัมพันธ์ใน
รูปแบบใหม่ ข้าราชการแต่ละฝ่ายต่างก็พยายามนำสิ่งที่เห็นว่าเป็นส่วนดี หรือผลประโยชน์ของ