Page 246 - kpi17073
P. 246

การประชุมวิชาการ
                                                                                         สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16   245


                                เลือกตั้งขั้นต้นแล้วนั้น การจัดการเลือกตั้งทั่วไปอาจจะต้องขยายเวลาเพื่อรองรับการ
                                เลือกตั้งขั้นต้นซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างน้อย 30 วันเพื่อทำให้กระบวนการการเลือกตั้งนั้น

                                ครบถ้วนสมบูรณ์

                            จะเห็นว่าข้อเสนอในวันที่จัดการการเลือกตั้งขั้นต้นนี้จะกำหนดขึ้นเพียง 30 วันก่อนการ

                      เลือกตั้งทั่วไป ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นระยะเวลาที่กระชั้นชิดกับวันเลือกตั้งทั่วไปมาก แต่
                      การเสนอในรูปแบบนี้ก็มีอยู่บนสมมติฐานว่าการให้มีวันเลือกตั้งทั่วไปเพียง 30 วันนี้นั้น ไม่ได้เป็น

                      ระยะเวลาที่สั้น เพราะ ส.ส. เดิมที่มาลงสมัครเลือกตั้งขั้นต้นนี้จุดยืนทางการเมืองก็น่าจะเป็นที่
                      รู้จักของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ที่คิดจะสมัครรับเลือกตั้งคนอื่นๆ ที่น่าจะมี
                      การวางแผนการหาเสียงและเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้ ดังนั้น การกำหนดระยะเวลาที่มากขึ้นหรือ

                      น้อยลงจึงไม่น่าจะกระทบกับกระบวนการหรือระยะเวลาการหาเสียงของผู้สมัครแต่ละคน ยิ่งไป
                      กว่านั้น เมื่อผลการเลือกตั้งขั้นต้นออกมาแล้วนั้น ระยะเวลา 30 วันของการเลือกตั้งก็น่าจะเพียง

                      พอต่อการที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้นสังกัดจะสามารถหาเสียงไปในทิศทางที่สอดคล้องกันได้

                            ตัวแบบที่ 2.2: การลดข้อจำกัดในการลงสมัครรับเลือกตั้ง (Easing Nomination

                      Rules)


                            ข้อเสนอในการลดข้อจำกัดในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นข้อเสนอที่ลดการมีส่วนร่วมของ
                      พรรคการเมืองในกระบวนการคัดสรรบุคคลเข้าสู่ระบบการเมืองออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะในการ
                      ที่บุคคลจะลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นไม่จำเป็นจะต้องสังกัดพรรคการเมืองหรือได้รับการสนับสนุน

                      จากพรรคการเมือง กล่าวในอีกแง่หนึ่ง คือ การเปิดโอกาสให้มี ส.ส. ที่ไม่สังกัดพรรคในระบบ
                      รัฐสภาไทย การเสนอตัวแบบนี้ตั้งอยู่บนฐานคิดเช่นเดียวกับข้อเสนอตัวแบบ 2.1 คือ การให้

                      ผลประโยชน์ที่สูงพอเพียงที่จะจูงใจให้ ส.ส. มีพฤติกรรมที่นอกเหนือไปจากข้อตกลงของพรรค
                      โดยพฤติกรรมและการกระทำนี้จะจำกัดเพียงการกระทำที่มาจากข้อเรียกร้องของประชาชนใน
                      พื้นที่หรือเป็นไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนในพื้นที่  ซึ่งการกระทำปละพฤติกรรมย่อมมี

                      ต้นทุนที่ ส.ส. ต้องคำนวณก่อนที่จะแสดงออกไป


                       ั  บบส  รับประเ

                            ข้อเสนอตัวแบบที่จะเสนอนี้ตั้งอยู่บนฐานคิด 2 แบบ คือ แบบที่หนึ่ง การที่ยังคงมีการ
                      ออกแบบเชิงสถาบันกำหนดให้ ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมืองอยู่ และแบบที่สอง การไม่กำหนด

                      สถานภาพการเป็นสมาชิก ซึ่งการเสนอตัวแบบนี้จะแตกต่างกันในข้อกำหนดตามฐานคิด
                      ด้วยเหตุผลว่า หากยังคงมีการกำหนดให้ ส.ส. ต้องมีคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

                      เท่ากับว่าผู้สมัครลงรับเลือกตั้งต้องมีพรรคต้นสังกัดก่อน แต่ตามข้อเสนอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
                      การทำงานที่การศึกษานี้เสนอนั้นเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ ส.ส. มีการแสดงออกและพฤติกรรม
                      ที่อาจส่งผลลบขั้นรุนแรง คือ การถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคดังนั้น การกำหนด

                      สถานภาพ  ส.ส. ให้ต้องสังกัดพรรคการเมืองคงต้องมีข้อยกเว้นตามข้อเสนอนี้ แต่หากการ
                      กำหนดคุณสมบัติที่ยกเลิกการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วนั้นข้อเสนอตัวแบบนี้ก็จะดำเนินการ              การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2

                      ได้โดยไม่ต้องมีข้อยกเว้นในส่วนของคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
   241   242   243   244   245   246   247   248   249   250   251