Page 248 - kpi17073
P. 248
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16 247
(1) หาพรรคการเมืองเข้าสังกัดที่อาจจะเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่ตนตัดสินใจเข้าสังกัด
เพราะเมื่อได้ทำงานในสภาแล้วค้นพบว่ามีแนวนโยบายและจุดยืนทางการเมืองที่ไปใน
แนวทางเดียวกัน หรือ อาจจะกลับไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดิมที่เคยสังกัด เพราะ
พรรคอาจจะเห็นแรงสนับสนุนที่ประชาชนมอบให้แก่ ส.ส. จึงยื่นข้อเสนอให้กลับเข้ามา
เป็นสมาชิกพรรค
(2) ตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่ตนเองเป็นแกนนำ โดยอาจจะเริ่มจากการเป็นพรรคระดับ
ท้องถิ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่
แต่ถ้าหากว่าการออกแบบข้อกำหนดเชิงสถาบันในส่วนของคุณสมบัติของ ส.ส. ที่ไม่ได้ระบุ
การที่จะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วนั้น ก็ดูเหมือนว่าข้อเสนอตัวแบบนี้ไม่ได้มีความจำเป็น
อย่างไรก็ดี ข้อสังเกตนี้เป็นข้อสังเหตุที่ถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะหากการยกเลิกการกำหนด
คุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของ ส.ส. ออกไปก็ไม่ได้หมายความว่า ควรจะเป็นการ
อนุญาตให้บุคคลที่ปราถนาที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งสามารถลงสมัครได้เลยอัตโนมัติ แต่หากมีการ
อนุญาตเช่นนั้น ข้อเสนอที่อยากจะเพิ่มเติมคือ ควรจะให้ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งที่ไม่ต้องสังกัด
พรรคการเมืองจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการลงสมัครรับเลือกตั้งแบบไม่สังกัดพรรคการเมือง
ในข้อ 2 ถึง ข้อ 7 เพื่อเป็นการคัดกรองบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเสียก่อน
ความคาดหวังจากตัวแบบ
การศึกษานี้มีจุดประสงค์เพื่อหาตัวแบบในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ ส.ส. ให้
เพิ่มขึ้น โดยการสร้างตัวแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงระบบการทำงานในระบบรัฐสภาของ ส.ส. แต่มุ่งที่จะสร้างตัวแบบที่เพิ่มแรงจูงใจที่จะ
ทำให้ ส.ส. แสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่ถือได้ว่าเป็นการรับผิดรับชอบและสนองความต้องการของ
ประชาชนมากกว่าพรรคการเมืองต้นสังกัดในบางครั้ง ดังนั้น ข้อเสนอตัวแบบที่การศึกษานี้เสนอ
จึงเป็นข้อเสนอที่แตกต่างจากข้อเสนอที่ผ่านๆ มาที่เน้นการแก้ไขกฎระเบียบ วิธีการปฏิบัติใน
ระบบรัฐสภา หรือ การเพิ่มกฎหมายเพิ่มหรือลดอำนาจการทำงานของ ส.ส. แต่จะเน้นการสร้าง
ดุลอำนาจระหว่าง ‘นักการเมือง’ กับ ‘พรรคการเมือง’ โดยพุ่งเป้าไปยังการสร้างมาตรการ
ความปลอดภัย (Safety Net) ทางการเมืองให้แก่นักการเมือง
โดยฐานและกรอบแนวคิดของการเสนอตัวแบบในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ ส.ส.
จากการศึกษานี้ คือ แนวคิดที่มองว่าการมีพฤติกรรมการทำงานและการแสดงออกในการทำ
หน้าที่ “ผู้แทน” ในสภาฯ ของ ส.ส. ที่ไม่ได้ประสิทธิภาพนั้นมาจากการขาด “แรงจูงใจ” ในการที่
จะนำ ส.ส. ให้มีพฤติกรรมที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนมากกว่าความต้องการและ
ข้อตกลงภายในพรรคการเมือง การมีระเบียบวินัยในพรรค (Party Discipline) และความเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกันของพรรค (Party Cohesion) ในพรรคการเมืองระบบรัฐสภานั้นเป็นสิ่งที่ดีโดย
พื้นฐานทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติในประเทศไทย การมีระเบียบวินัยภายในพรรคการเมืองที่มาก การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2
นำไปสู่ “ระบบ” ของพรรคการเมือง ที่มีลักษณะการ “รวมศูนย์อำนาจ” ที่มีผลต่อการแสดงออก