Page 173 - kpi16607
P. 173
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
เปลี่ยนให้เป็นพลเมือง ซึ่งพลเมืองเหล่านี้จะช่วยให้รัฐบาลในทุกระดับมีความ
5
เข้มแข็งและประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกันการบริหารงานภาครัฐในทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับชาติถึงท้องถิ่นก็เรียกร้องให้รัฐบาลและองค์กรภาครัฐต้องทำงานอย่าง
มีประสิทธิภาพตามที่ David Osborne (1993) เสนอว่าเนื่องจากการ
เปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็วทำให้การบริหารงานภาครัฐแบบ
ผูกขาดจากบนลงล่าง (top-down bureaucratic monopolies) ในการจัดบริการ
สาธารณะที่เป็นมาตรฐานตายตัวนั้นไม่มีประสิทธิผล ทำให้องค์กรการบริหารงาน
ภาครัฐทั้งหลายจำเป็นต้องปรับตัวให้คล่องตัว ทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยตนเอง
ตอบสนองความต้องการของประชาชน มีความสามารถในการปรับตัวอยู่เสมอ
สามารถปรับปรุงผลิตภาพได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้องค์กรภาครัฐต้องมีลักษณะการ
เป็น “ผู้ประกอบการ” (Entrepreneurial)
แต่ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ได้หวัง
ผลกำไร 6
กล่าวได้ว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นที่ดีต้องปรับดุลอำนาจให้กับท้องถิ่น
และประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายของการปรับดุลอำนาจต้องทำให้องค์กร 1
ปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถตอบโจทย์ทั้ง หนึ่ง
“เพื่อเอาอำนาจการแก้ปัญหาไป
ไว้ใกล้ปัญหา” ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีทั้ง “อำนาจ” และ “ความ
สามารถ” ที่จะทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการปกครอง
ท้องถิ่นต้อง สอง
“สร้างสำนึกความเป็นเจ้าของของประชาชนในการจัดการ
ตนเอง (Self-governance)” เพราะต้องทำให้คนในท้องถิ่นเป็นพลเมือง
ที่เข้มแข็งและสามารถช่วยให้การบริหารจัดการตนเองในท้องถิ่นเป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพและมีส่วนร่วมตามที่ David Osborne และ Ted Gaebler ซึ่งหลัก
การทั้งสองสอดคล้องกับแนวคิดการบริหารสาธารณะแนวใหม่ (New Public
Service - NPS) ที่ทำให้การบริหารงานภาครัฐสมัยใหม่ต้องสร้างพลเมือง
5 เอนก เหล่าธรรมทัศน์. (2552). แปรถิ่น เปลี่ยนฐาน: สร้างการปกครองท้องถิ่นให้เป็น
รากฐานของประชาธิปไตย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, น. 80-81.
6 Osborne, David. (Summer 1993). Reinventing Government. Public Productivity
& Management Review 16(4), 349-356, p. 351.
สถาบันพระปกเกล้า