Page 77 - kpiebook67036
P. 77

76      ประเพณีการปกครองของสวีเดน: สภาท้องถิ่น (ting), สิทธิ์ในการเลือกพระมหากษัตริย์ และเสรีภาพ
                    และปกครองตนเองของชาวนา (the Many)




             ในอาณาจักร แต่เมื่อเกิดสหภาพสแกนดิเนเวีย (the Scandinavian Union, the Kalmar Union ระหว่าง

             ค.ศ. 1397-1521) ได้มีการเผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับกษัตริย์ที่มาจากการเลือกตั้ง (an elected monarch)
             และได้มีการวางรากฐานให้กับอาณาจักรอื่นๆ ในสหภาพด้วย ซึ่งในที่สุด ได้น�าไปสู่การเกิดสภา

             แห่งอาณาจักร (the council of the realm) ที่มีตัวแทนจากแต่ละฐานันดรมารวมกันเพื่อเลือกกษัตริย์
             และด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้งกษัตริย์จึงเป็นกิจกรรมของพวกอภิชนมากขึ้นและมีฐานที่อิงอยู่กับการมีส่วน

             ร่วมของประชาชนธรรมดาน้อยลง     184


                      ต่อมาในศตวรรษที่ 16-17 สวีเดนได้เข้าท�าสงครามอย่างต่อเนื่อง ท�าให้กษัตริย์จ�าเป็นต้อง
             เรียกเก็บภาษีและเกณฑ์ประชาชนให้เป็นทหาร เพื่อท�าสงครามเชิงรุกโดยอ้างว่าเป็นหน้าที่ของประชาชน

             เพื่อแลกกับความคุ้มครองที่ได้รับจากรัฐ แม้ในความเป็นจริงแล้ว การเกณฑ์ประชาชนเป็นทหารเพื่อท�า
             สงครามอย่างต่อเนื่องจะขัดกับข้ออ้างของกษัตริย์เรื่องพันธะในการให้ความคุ้มครองที่มีต่อมหาชนก็ตาม

             แต่ในปี ค.ศ. 1655 – 1660 ในรัชสมัยพระเจ้า Charles X Gustav เมื่อสวีเดนตัดสินใจรุกรานโปแลนด์
             อันน�ามาซึ่งสงครามต่อเนื่องและภัยคุกคามจากการรุกรานจากชาติอื่นๆ เป็นเหตุให้กษัตริย์มีข้อเรียก

             ร้องอื่นๆ ต่อประชาชนนอกเหนือไปจากเรื่องภาษีและการเกณฑ์ทหารมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ขอให้
             ประชาชนท�าการปกป้องชุมชนของตัวเอง อันเป็นประเด็นที่สภาฐานันดรไม่ยินยอมท�าตาม และน�าไป

             สู่การอภิปรายถกเถียงอย่างกว้างขวางในที่ประชุมของแต่ละแว่นแคว้นที่น�าไปสู่การตั้งค�าถามถึงการ
             ลากเส้นแบ่งระหว่างปริมณฑลของการท�าหน้าที่พลเรือนที่อยู่ใต้ปกครองกับหน้าที่ของทหารของฝ่ายผู้

             ปกครองให้ชัดเจน  185


                      ในช่วงปี ค.ศ. 1655-1660 การท�าสงครามของกษัตริย์น�ามาซึ่งข้อเรียกร้องที่มากขึ้นหลายประการ
             แม้หลายอย่างจะมีทั้งภาระที่เหนือบ่ากว่าแรงเพื่อเทียบกับพันธะที่ประชาชนมีอยู่เดิม นั่นคือ การจ่ายภาษี

             และการเกณฑ์ทหาร ภาระที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ การส่งเสื้อผ้าให้ทหารในช่วงฤดูหนาว การสร้างป้อมปราการ
             และภาระที่ต้องเสี่ยงชีวิตอย่างมาก เช่น ขอให้ประชาชนเป็นทัพหน้าในการบุกไปโจมตีนอร์เวย์
                                                                                                     186
             ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นว่า ไม่ถูกต้องและได้ตั้งค�าถามกับข้อเรียกร้องดังกล่าวของกษัตริย์ โดยประชาชน
             ให้เหตุผลว่าการจ่ายภาษีและการเกณฑ์ทหารคือการกระท�าที่มีขึ้นเพื่อที่ชาวนาจะไม่ต้องมาคอยท�า

             หน้าที่ทหารด้วยในเวลาเดียวกัน การกระท�าดังกล่าวจึงถูกน�ามาอภิปรายอย่างกว้างขวางในระดับท้องถิ่น
             โดยอ้างว่าเป็นการกระท�าที่อยู่นอกเหนือสัญญาที่กษัตริย์ท�าไว้กับประชาชน   นั่นคือ กษัตริย์ให้
                                                                                    187
             ความปกป้องคุ้มครองเพื่อแลกกับการจ่ายภาษีและการเกณฑ์ทหาร ประกอบกับที่สภาฐานันดรไม่เห็นชอบ
             184   Frode Hervik, “The Nordic Countries,” in Benjamin Isakhan and Stephen Stockwell (editors), The Edinburgh
             Companion to the History of Democracy: From Pre-history to Future Possibilities (Edinburgh: Edinburgh

             University Press, 2012), pp. 148-149.
             185   Anna Maria Forssberg, “The Final Argument: war and the merging of the military and civilian spheres
                  th
             in 17  Century Sweden,” Scandinavia Journal of History, Vol. 39, 2 (2014): 171-172.
             186   Anna Maria Forssberg, “The Final Argument: war and the merging of the military and civilian spheres
             in 17  Century Sweden,” Scandinavia Journal of History, Vol. 39, 2 (2014): 177.
                  th
             187   Anna Maria Forssberg, “The Final Argument: war and the merging of the military and civilian spheres
             in 17  Century Sweden,” Scandinavia Journal of History, Vol. 39, 2 (2014): 175.
                  th
   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82