Page 72 - kpiebook67036
P. 72
71
การลุกฮือของชาวนาถือเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความขัดแย้งตึงเครียดทางสังคม
ในยุคกลางของยุโรป กระนั้น ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 (ประมาณปี ค.ศ. 1501 จนถึงช่วงก่อนการขึ้น
ครองราชย์ของ Gustav Vasa ในปี ค.ศ. 1523) แม้ว่าชาวนากลายเป็นกลุ่มที่ต้องแบกรับภาระทางภาษี
ของประเทศ จากการเข้าสู่สงครามของสวีเดนกับเดนมาร์กในปี ค.ศ. 1501 ทั้งยังประสบปัญหาทาง
การเกษตรที่มีบันทึกไว้ระหว่างปี ค.ศ. 1503-1516 แต่กลับไม่มีการลุกฮือของชาวนาสวีเดนในช่วงเวลา
ดังกล่าวเลย จากการศึกษาของ Dag Retsö ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่ท�าให้ชาวนาสามารถปรับตัวรับมือกับ
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมดังกล่าว ทั้งนี้ Dag Retsö ได้ปรับใช้แนวคิดของ Peter Blickle
เป็นกรอบในการท�าความเข้าใจว่า กลุ่มชาวนาที่ประสบความเดือดร้อนไม่ว่าจะด้วยเหตุใด สามารถเลือกใช้
เครื่องมือที่หลากหลายในการรับมือกับสถานการณ์ ตั้งแต่การร้องทุกข์ กาปฏิเสธไม่ท�าตาม การเจรจา
การใช้ความรุนแรง จนไปถึงการสร้างสัญญาประชาคมใหม่ขึ้น 177
ย้อนกลับไปในคริสต์ศตวรรษที่ 15 กลุ่มชาวนาซึ่งเป็นฐานภาษีส่วนใหญ่ของอาณาจักรประสบ
ความส�าเร็จในการลดอัตราภาษีทั่วไปให้ต�่าจากการลุกฮือที่น�าโดย Engelbrekt หรือที่เรียกว่า Engelbrekt
Uprising (ระหว่าง ค.ศ. 1434-1439) เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดกระบวนการสองประการที่ลดขนาด
ทางการคลังของแผ่นดิน หรืออีกนัยหนึ่งคือ ลดสถานะการคลังของสถาบันกษัตริย์ ประการที่หนึ่งคือ
การท�าลายปราสาทจ�านวนมาก ซึ่งท�าให้ลดรายจ่ายลง ประการที่สอง คือการแจกจ่ายที่ดินแก่ขุนนางอภิชน
เพื่อกระจายอ�านาจและภาระในการปกครอง และด้วยข้อจ�ากัดทางการเมืองข้างต้นและความต้องการ
ทรัพยากรในการท�าสงครามในปี ค.ศ. 1501 ท�าให้สวีเดนเลือกที่จะจัดเก็บภาษีพิเศษซึ่งเป็นสิทธิ์เฉพาะ
ของกษัตริย์แทนการขึ้นภาษีทั่วไป แต่เมื่อสงครามกินเวลายาวนาน ภาษีพิเศษดังกล่าวจึงไม่ได้มีลักษณะ
จัดเก็บชั่วคราวในสายตาของกลุ่มชาวนา 178
ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 การใช้ความรุนแรงและการขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงของชาวนา
เพื่อต่อต้านการเก็บภาษีพิเศษได้เกิดขึ้นบ้างประปราย แต่ไม่ได้ขยายเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ดี ด้วยกฎหมาย
ที่ระบุว่าการจัดเก็บภาษีพิเศษจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้เสียภาษีจาก ting และด้วยอ�านาจการต่อรอง
ของกลุ่มชาวนาที่มีสูงขึ้น นับตั้งแต่การลุกฮือ “Engelbrekt Uprising” ท�าให้ชาวนาเลือกที่เจรจาและ
ตั้งเงื่อนไขกับพวกอภิชนหรือตัวแทนของรัฐที่ท�าหน้าที่เก็บภาษี โดยการต่อรองและตั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับ
การจ่ายภาษี ได้แก่ การจ่ายภาษีเป็นเงินตราแทนสิ่งของ การขอยกเว้นภาษีในอนาคตและการลดภาระ
ทางภาษี โดยเพิ่มจ�านวนสมาชิกที่ต้องจ่ายภาษีร่วมกัน การยกเลิกเก็บภาษีโดยพลการ และการยืนยัน
ความถูกต้องของการเก็บภาษีผ่านหนังสือจากผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์หรือการเรียกร้องให้ผู้ส�าเร็จ
ราชการแทนพระองค์เดินทางมาเจรจากับกลุ่มชาวนา 179
177 Dag Retsö, “No Taxation without Negotiation,” Scandinavian Journal of History, Vol. 42, 4 (2017): 438-458.
178 Dag Retsö, “No Taxation without Negotiation,” Scandinavian Journal of History, Vol. 42, 4 (2017): 438-458.
179 Dag Retsö, “No Taxation without Negotiation,” Scandinavian Journal of History, Vol. 42, 4 (2017): 438-458.