Page 55 - kpiebook67026
P. 55
54 ผลการใช้กฎหมายรับรองเพศสภาพ : กรณีประเทศอาร์เจนตินา มอลตา และไอซ์แลนด์
2.3 การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในเรื่องอัตลักษณ์
ทางเพศในระดับสากล
หากพิจารณาแนวทางการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในเรื่องอัตลักษณทางเพศ
ในระดับสากลที่เกิดขึ้นในองคการสหประชาชาติ จะพบว่าองคการสหประชาชาติได้วาง
หลักการคุ้มครองสิทธิในอัตลักษณทางเพศของบุคคลไว้อย่างกว้างขวางโดยครอบคลุม
สาระส�าคัญหลายประการ กล่าวคือ องคการสหประชาชาติได้วางแนวทางว่า รัฐต้อง
ก�าหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อรับรองสถานภาพทางกฎหมายให้บุคคลสามารถ
เปลี่ยนเพศของตนได้โดยการออกใบรับรองสูติบัตรใหม่รวมทั้งก�าหนดกระบวนการ
ส�าหรับการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณทางเพศในบัตรประชาชน ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกัน
ว่าบุคคลดังกล่าวจะไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และจะได้รับความเคารพต่อความสมบูรณ
ในความเป็นมนุษย เมื่อรัฐให้การรับรองสิทธิในการเปลี่ยนชื่อและเพศของบุคคลข้ามเพศ
และบุคคลอินเตอรเซ็กในเอกสารทางราชการ ย่อมมีผลเป็นการรับรองสถานภาพ
ทางกฎหมายตามอัตลักษณทางเพศที่บุคคลนั้นพึงประสงค และท�าให้บุคคลดังกล่าว
มีความสามารถในการใช้สิทธิต่าง ๆ บนพื้นฐานของอัตลักษณทางเพศที่กฎหมาย
ให้การรับรอง รวมถึงสิทธิในการสมรสและก่อตั้งครอบครัวตามมาตรา 23 ของ
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองปี ค.ศ. 1966
ซึ่งในเรื่องนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนขององคการสหประชาชาติเคยให้
ความเห็นว่า เมื่อบุคคลข้ามเพศได้ท�าการแก้ไขอัตลักษณทางเพศใหม่ในใบสูติบัตร
เรียบร้อยแล้ว ย่อมมีสิทธิในการสมรสและครอบครัวตามบทบัญญัติมาตรา 23
ของกติกาฯ เช่นกัน
การวางแนวทางการคุ้มครองที่เกิดขึ้นในองคการสหประชาชาติ มีความ
สอดคล้องกับแนวทางที่เกิดขึ้นในศาลระหว่างประเทศในภูมิภาคยุโรปซึ่งประกอบด้วย
ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป (The European Court of Human Rights) และ
ศาลยุติธรรมแห่งยุโรป (The European Court of Justice) ได้ยอมรับถึงการมีอยู่ของ
อัตลักษณทางเพศของบุคคลและก�าหนดให้รัฐมีหน้าที่ต้องให้การรับรองและคุ้มครอง
โดยสิทธิเช่นว่านี้ได้แก่ (1) สิทธิในการเปลี่ยนชื่อและค�าน�าหน้าเพศในเอกสารทางราชการ
(right to change name and indication of sex on official documents) (2) สิทธิ
ในการเข้าถึงการดูแลรักษาด้านสุขภาพรวมถึงการผ่าตัดแปลงเพศ (right to access to