Page 463 - kpiebook67020
P. 463
462 การศึกษาการป้องกันวิกฤตสังคมในอนาคต
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนเห็นว่ายังมีอีกหลายกรณีด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้มีการตัดสินใจ
ด�าเนินการไปแล้ว แต่ผลกระทบยังคงอยู่ก็มีความจ�าเป็นที่ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม
อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น จากผลการส�ารวจความคิดเห็นของของประชาชน
รอบพื้นที่เขื่อนปากมูล รวบรวมและวิเคราะห์โดยส�านักงานสถิติแห่งชาติ เกี่ยวกับ
ความเดือดร้อนและความคิดเห็นแนวทางการเปิดหรือปิดเขื่อน พบว่า ประชาชน
ทุกกลุ่มเห็นว่าการเปิดปิดประตูระบายน�้าของเขื่อนควรเปิด 5 เดือน และปิด 4 เดือน
เพราะท�าให้มีผู้เดือดร้อนน้อยที่สุด และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเปิดประตูเขื่อน
มากที่สุดคือช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม (ส�านักงานสถิติแห่งชาติ, 2546) ซึ่งข้อมูล
เหล่านี้มาจากภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถ
น�าไปพิจารณาตัดสินใจ และควรให้มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบอย่างต่อเนื่อง
เพื่อติดตามและสะท้อนความต้องการของประชาชนอยู่เสมอ หรือกรณีโครงการพัฒนา
ที่ได้ด�าเนินการ ประชาชนที่เป็นตัวแทนที่แท้จริงของผู้ที่ได้รับผลกระทบควรมีโอกาส
ได้เข้าไปติดตามตรวจสอบ ยกตัวอย่างเช่น การตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจสอบ
ผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ 1-2 ที่มีคณะกรรมการติดตามและพัฒนา
สิ่งแวดล้อมชุมชน คณะท�างานติดตามตรวจสอบการสูบน�้า คณะผู้ตรวจการสิ่งแวดล้อม
โรงไฟฟ้าจะนะ อาสาสมัครสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการติดตามการใช้น�้ามันดีเซล
เป็นเชื้อเพลิงฯ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, มปป., น.11-12)
แยกคู่ขัดแย้งและใช้คนกลางจัดการปัญหา
เมื่อเกิดปัญหาที่ส่อเค้าจะน�าไปสู่วิกฤต หนทางหนึ่งที่จะป้องกันได้คือ
การแยกคู่ขัดแย้งออกจากกันแล้วใช้คนกลางเข้ามาช่วยเจรจาเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์
หนทางนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่จะท�าให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางลบรู้สึกไม่มีทางออก
ความเสี่ยงด้านการบังคับใช้กฎหมายที่มีความแข็งตัว และความเสี่ยงด้านกลไก
ความยุติธรรมที่อยุติธรรม ดังผู้ให้สัมภาษณ์ยกตัวอย่างกรณีบางกลอย คู่ขัดแย้งได้แก่