Page 36 - kpiebook67014
P. 36
เจ้านายมาเยี่ยม จึงท าให้เปลี่ยนพฤติกรรมกันไปได้ ซึ่งค่อนข้างใช้เวลาในการใช้กติกา เพราะต้องคุมกันเอง
เนื่องจากมีเสียงสะท้อนจากนักท่องเที่ยว (01 [สัมภาษณ์], 26 กรกฎาคม 2566) เชียงคานเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ดังนั้น นักท่องเที่ยวจะไม่รู้วัฒนธรรมวิถีประเพณี ไม่รู้ว่าควรท าหรือไม่ควรท าอะไร ไม่รู้วิถีประเพรณีควรท าอย่างไร
เช่น การแต่งกายไม่มิดชิด (02 [สัมภาษณ์], 26 กรกฎาคม 2566)
นอกจากนี้ ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ การสื่อสารประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่อาจจะยังไม่ทั่วถึง ว่า
หน่วยงานภายนอก เทศบาล และชุมชนก าลังท ากิจกรรมอะไร ท าให้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจ ากัดเฉพาะกลุ่ม และยัง
ไม่หลากหลายเท่าที่ควร
กลุ่มครูและผู้ปกครอง เห็นว่าปัญหาและอุปสรรคคือ สถานที่ในการจัดกิจกรรม ของโครงการ ทั้งการ
ประกวดร้องเพลง และการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างเทศบัญญัติ เนื่องจากลานวัดศรีคุณเมืองเป็นสถานที่กลางแจ้ง
ท าให้สภาพดินฟ้าอากาศส่งผลต่อการจัดกิจกรรมให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี อีกทั้งสถานที่ยังอาจคับแคบเกินไป ไม่
เหมาะสมกับการตั้งเวทีท าการแสดงที่มีหลายคน ตลอดจนปัญหาที่เกิดจากอุปกรณ์เครื่องเสียงและไฟฟ้าส่องสว่าง
ที่ไม่เหมาะสมกับการประกวดร้องเพลง
ขณะเดียวกัน กระบวนการของวิทยากรอาจจะเข้าใจยากเกินไปที่คนทุกคนจะเข้าใจได้เหมือนกัน เช่น
กระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างเทศบัญญัติ เนื่องจากคนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีความหลากหลายและแต่ละคน
อาจมีวุฒิภาวะต่างกัน จึงเข้าใจโจทย์ค าถามของวิทยากรได้ช้าหรือเร็ว เข้าใจง่ายหรือเข้าใจยากที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ คนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมไม่มีความหลากหลาย คนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมอาจจะยังคงจ ากัด
เฉพาะกลุ่ม ไม่มีความหลากหลายของคนในชุมชน ซึ่งอาจจะเกิดจากการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ทั่วถึง ท าให้คนไม่
ทราบการจัดกิจกรรมของโครงการที่ลานวัดศรีคุณเมือง
กลุ่มประชาชน เห็นว่าปัญหาและอุปสรรคในการด าเนินกิจกรรมต่าง ๆ มีเรื่องการถูกกดทับด้วยอ านาจที่
เหนือกว่า การไม่เปิดใจรับรู้สิ่งใหม่ การขาดความเสียสละ ข้อจ ากัดทางงบประมาณ การแตกกระจายของ
หน่วยงานที่เข้ามาท ากิจกรรม และความน่าเชื่อถือของผู้น า
การถูกกดทับด้วยอ านาจที่เหนือกว่า พบว่า ที่ผ่านมาการด าเนินกิจกรรมด้านทุนวัฒนธรรมของท้องถิ่น
อาจถูกกดทับจากหน่วยงานที่อยู่เหนือกว่า ชาวบ้านเองก็ถูกกดทับด้วยอ านาจที่เหนือกว่า ท าให้ไม่กล้าที่จะ
ด าเนินการอะไร ชุมชนไม่กล้าแสดงออกไม่กล้าแสดงความคิดเห็นทั้งที่ตนเองมีศักยภาพ ในกรณีนี้ยังพบว่าส่วน
หนึ่งเป็นเพราะชาวบ้านไม่เชื่อถือหรือไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่เทศบาลด าเนินการด้วย ดังนั้น เมื่อมีการ
ด าเนินงานแบบสั่งการบนลงล่างขาดการฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ท าให้สิ่งที่มาด าเนินการนั้นกลายเป็น
อนุสาวรีย์ไม่มีการสานต่อ ดังนั้น ส่วนราชการระดับสูงกว่าควรเป็นหน่วยงานพี่เลี้ยงคอยหนุนเสริมให้ชาวบ้านเดิน
ไปด้วยกัน ซึ่งจะท าให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งได้มากกว่า อุปสรรคในเชิงหน่วยงานนี้ยังพบว่า มีความแตกกระจาย
ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาด าเนินงานเรื่องทุนวัฒนธรรม เช่น เทศบาล อ าเภอ โรงเรียน ชุมชน ยังมีลักษณะ
ต่างคนต่างท าอยู่
นอกเหนือจากการถูกละเลยในการให้ความส าคัญกับศักยภาพของคนในพื้นที่แล้ว ยังมีอุปสรรคเรื่องอัตตา
ของชาวบ้านที่บางคนอาจยังไม่เปิดใจ ท าให้ยังขาดความเสียสละของแต่ละบุคคล หากทุกคนเสียสละบ้างก็จะท า
ให้ทุกคนอยากท ากิจกรรมที่เป็นของส่วนรวมร่วมกัน อุปสรรคนี้เป็นไปได้ว่าเกิดจากการยึดระบบเงินเป็นหลัก
เพราะเมื่อการท่องเที่ยวเข้ามา ท าให้ชาวบ้านไม่มีส่วนร่วมเนื่องจากคิดว่าการท่องเที่ยวสามารถท าให้อยู่รอดได้แล้ว
จึงละเลยความเป็นอันหนึ่งใจเดียวกัน
“สิ่งส าคัญคือมันมีอัตตาเยอะ บางทีก็อยู่ในสถานะเงินบังตาชาวบ้าน ชาวบ้านอาจจะคิดว่าฉันมีเงินมี
รายได้ฉันอยู่ได้ มันก็เลยเกิดอัตตาว่าไม่จ าเป็นต้องไปขึ้นอยู่กับคนอื่น อีกส่วนหนึ่งคือท่องเที่ยวมาเงินก็มา อะไรก็
มา นี่คือสภาวะเงินบังตาลืมไปหมดเลยว่า ชุมชนเราอยู่อย่างไร วันหนึ่งถ้าคนไม่มาเที่ยวเงินออกจากไปเมื่อไหร่ จึง
- 33 -