Page 35 - kpiebook67014
P. 35
เปลี่ยนแปลง แล้วเข้าไปมีส่วนร่วมในความส าเร็จ คือมีความคิดที่พร้อมจะเดินไปข้างหน้า เป็นน้ าไม่เต็มแก้ว
เพื่อที่จะสามารถเรียนรู้ไปด้วยกัน
ปัจจัยภายในประการที่สอง คือ การสื่อสารของคนในชุมชน ประธานชุมชน หน่วยงานภาครัฐ มีการ
สื่อสารและการประชาสัมพันธ์ทั่วถึง เพราะหากไม่มีการสื่อสารจะไม่เกิดความร่วมมือ การสื่อสารท าให้เกิดการ
ชักชวนกันของชาวบ้านที่เคยมาแล้วชักชวนต่อเพื่อมาเข้าร่วมกระบวนการ
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ท าให้ส าเร็จอีกประการหนึ่งเพราะกิจกรรมวิจัย เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวเชียงคาน
ท าให้คนในพื้นที่ต้องการมีส่วนร่วม เพราะตนเองอาจได้รับผลประโยชน์หรือผลกระทบอย่างใดอย่างหนึ่ง การเข้า
ร่วมกิจกรรมจะท าให้ตนเองไม่เสียโอกาส เห็นได้ว่าคนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับส่วนราชการบ่อย ๆ จะมีความรู้ ได้
ประโยชน์ และไปเข้าร่วมกับกิจกรรมการพัฒนาของทางราชการอยู่เสมอ เพราะเขาเห็นว่าเมื่อไปเข้าร่วมแล้วได้
ประโยชน์อย่างไร หากไม่เข้าร่วมจะเป็นการปิดโอกาส ดังที่ชาวบ้านในพื้นที่เชียงคานได้เคยประสบมาแล้ว ดังนี้
“บ้านเหนือไม่เข้าประชุม สุดท้ายเสียผลประโยชน์ ท าไมถนนคนเดินไม่เดินจากบนไปล่าง ทั้งที่เป็น one
way นี่คือที่ไปที่มา พอวันนี้มีเรื่องธรรมนูญของเชียงคาน เป็นกฎกติกาที่จะดูแลคนเชียงคานทั้งหมด ดังนั้น จึงเข้า
มามีส่วนร่วม เพื่อไม่ให้เสียโอกาสอีก”
4.3.3 อุปสรรคในการด าเนินงาน
อุปสรรคในการด าเนินงาน เป็นข้อค าถามเรื่องปัญหาและอุปสรรคในการด าเนินกิจกรรมต่าง ๆ มีอะไรบ้าง
พบว่า
กลุ่มผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เทศบาล เห็นว่าปัญหาและอุปสรรคในการด าเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนา
ทุนทางวัฒนธรรมคือ ประชาชนไม่เชื่อถือนักการเมืองท้องถิ่น ท าให้ไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนชาวเชียง
คาน เนื่องจากโดยปกติคนเชียงคานไม่ค่อยให้ความเชื่อถือต่อนักการเมืองท้องถิ่น แต่จะให้ความเชื่อถือต่อ
ข้าราชการหรือคนภายนอกมากกว่า ท าให้การด าเนินงานของเทศบาลอาจจะไม่รับความร่วมมือเท่าที่ควรและ
ประชาชนไม่ให้ความส าคัญ
“ทุนของนักการเมืองท้องถิ่นมีน้อย ความเชื่อถือไม่มี ดังนั้นต้องเอาข้าราชการส่วนภูมิภาค ผู้ว่าราชการ
โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาเล่าเรื่องสถาปัตยกรรม
และทุนทางวัฒนธรรมให้คนในพื้นที่ฟัง”
รวมไปถึง ความร่วมมือของผู้ประกอบการที่เป็นคนภายนอกชุมชน เนื่องจากคนภายนอกจะให้
ความส าคัญกับการประกอบอาชีพมากกว่าและไม่มีความผูกพันในเชิงพื้นที่ กิจกรรมของชุมชนจึงมักจะไม่ได้รับ
ความร่วมมือจากกลุ่มคนเหล่านี้ ขณะเดียวกัน ความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างคนเชียงคานและผู้ประกอบการที่
เป็นคนภายนอกที่เข้ามาท าธุรกิจในพื้นที่ยังเป็นปัญหาและอุปสรรคอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ คนในชุมชนมีวิถีชีวิต
ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา และมีความผูกพันต่อถิ่นฐานบ้านเกิดที่ต้องการท าให้ทุนทางวัฒนธรรมของเชียงคานได้รับ
การอนุรักษ์และสืบสานให้ยั่งยืน ขณะที่คนภายนอกไม่ได้ให้ความส าคัญกับเรื่องเหล่านี้ ท าให้เกิดความขัดแย้ง
ระหว่างกันเรื่อยมา
“คนพื้นที่หรือนอกพื้นเพที่มาจากต่างถิ่น แล้วมาประกอบกิจการ แต่วิถีท้องถิ่นที่เชียงคานที่มี ถ่ายทอดกัน
รุ่นสู่รุ่น เป็นวิถีท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา เช่น ถ้ามีงานสีด าหรืองานศพ จะจัดงานที่บ้าน มีเครือญาติไปร่วมงานกัน
แต่ผู้ประกอบการต่างถิ่นที่ไม่รู้ จะโวยวายว่าการจัดงานศพที่บ้านท าให้ขายของไม่ได้”
ประเด็นนี้สอดคล้องกับผู้ให้สัมภาษณ์ที่กล่าวว่า คนที่มาขัดกติกาพื้นที่เชียงคานส่วนใหญ่คือคนนอก เช่น
ขับรถย้อนศร ขับรถเลขตองเข้ามาในพื้นที่ เปิดเครื่องเสียงเสียงดัง หรือตากผ้าบริเวณราวถนนคนเดินชายโขง ทั้งที่
เป็นที่สาธารณะ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงกันเยอะกว่าจะท าตาม จนในช่วงที่พระองค์ภาฯ เสด็จเยี่ยมพื้นที่ หรือมี
- 32 -