Page 43 - kpiebook67011
P. 43
42 ประชาธิปไตยในความคิดของฮันนาห์ อาเรนดท์
เพราะเขาคงรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่อิสราเอลได้ตัวเขาแล้วว่า เขาจะต้องมาเจอจุดจบที่นี่ ก่อนจะถูกแขวน
เขายังได้กล่าวว่า “จากนี้ไม่นาน เราจะได้พบกัน มันเป็นชะตาของทุกคน เยอรมนีจงเจริญ อาร์เจนติน่า
จงเจริญ ออสเตรียจงเจริญ ข้าพเจ้าจะไม่ลืมพวกเขา” นี่จึงเป็นสิ่งที่อาเรนดท์เรียกว่าเป็นบทเรียนที่น่ากลัว
74
ของความชั่วร้ายของมนุษย์ สิ่งที่ความคิดและค�าพูดจะอธิบายได้ว่าคือ ความชินชาของความชั่วร้าย
ซึ่งคือการมองความชั่วร้ายเป็นสิ่งปกติ และไม่ได้มีส�านึกว่าเป็นสิ่งที่ผิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุที่ท�าไปเพราะ
หน้าที่ ค�าสั่ง หรือท�าไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการก็ตาม
ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็เพื่อให้เห็นภาพของการให้การของไอค์แมน ที่แม้ว่าอาจมีการพยายาม
วกไปวนมาของค�าให้การ ครั้งหนึ่ง ก็บอกว่าตนไม่มีความผิดตามกฎหมาย เพราะท�าการกฎหมาย
แห่งรัฐเยอรมัน และรัฐเยอรมันไรช์ที่สามไม่ได้มีอยู่แล้วบ้าง กล่าวว่ารัฐอิสราเอลไม่มีอ�านาจบ้าง
หรืออ้างว่าสิ่งที่ท�าไปไม่ได้ท�าไปเพราะความเกลียดชังต่อเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง แต่เป็นไปเพราะค�าสั่ง
และตนไม่ควรได้รับโทษ บ้างก็อ้างว่าเพราะตนไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระท�าการสังหารเอง จึงไม่ต้องรับโทษ
บ้างก็กล่าวว่าระบอบนาซีเป็นระบอบที่บิดเบี้ยวหลอกลวง แค่สุดท้ายก็ภาคภูมิใจในความเป็นนาซีของ
ตนเอง มีการตั้งข้อสงสัยว่าเขาวิกลจริตหรือไม่ แต่แพทย์หลายท่านก็ยืนยันว่าเขาปกติ ดังนั้น ข้อสงสัย
เกี่ยวกับความรับรู้เรื่องผิดชอบชั่วดีของเขาจึงปกติ เพียงการรับรู้ว่าการฆ่าคนหรือกระท�าการอันท�าให้
75
เกิดการฆ่านั้นผิดหรือไม่ ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก หรือเป็นสิ่งที่เขาแยกแยะไม่ออก ค�าให้การตอบโต้ของเขา
ที่ว่าไม่ได้เป็นปีศาจร้ายและไม่ได้เกลียดยิวจึงฟังไม่ขึ้น การไม่ยอมรับความผิดตามข้อกล่าวหา การมองว่า
ท�าหน้าที่เป็นตัวกลาง และเพียงสนับสนุนไม่ควรมีความผิดนั้น จึงเป็นการตีความต่อความผิดและ
ความชั่วร้ายที่น่ากลัวต่อมนุษยชาติ เพราะ ไอค์แมนไม่ได้มองว่าความชั่วร้ายและความผิดจะมีอยู่ระหว่าง
กระบวนการ—ผู้ออกค�าสั่งและผู้ลงมือ— นั้นมีความผิดในการเป็นสื่อการและสนับสนุนอ�านวยการ
ถ้าหากว่าเขายังมีสติสัมปชัญญะที่ดีอยู่ ก็แสดงให้เห็นว่าเขามองว่าการท�าตามค�าสั่งไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน
ก็ไม่มีความผิด จึงเป็นที่มาของการมองเห็นว่าความเลวร้ายหรือความชั่วร้ายนั้นเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้
เป็นผู้ริเริ่ม และไม่เกิดเป็นความผิดหากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ความคิดแบบนี้ ไม่ว่าจะต่อชาวยิว
หรือต่อใครก็ตามจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวต่อมวลมนุษยชาติ เพราะ เป็นการหาทางออกจากอาชญากรรมที่ตน
มีส่วนเกี่ยวข้องโดยปัดความรับผิดชอบด้วยเหตุผลทางกฎหมายและความชอบธรรมของการรับค�าสั่งจาก
องค์อธิปัตย์
อาเรนดท์ยังได้กล่าวทิ้งทายในปัจฉิมบท ถึงความยุติธรรม ที่ความยุติธรรม “ไม่ใช่แค่จะต้อง
76
เกิดขึ้น แต่ต้องให้เห็นว่ามันเกิดขึ้น” เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าการกระท�าของไอค์แมนและนาซี
ต่อการสังหารหมู่นั้นผิด และคงจะถูกลงโทษหรือได้รับผลกรรมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หากการลงโทษนั้น
ไม่ได้ถูกเปิดเผยและท�าให้สังคมรับรู้ การกระท�าผิดหรืออาชญากรรมนั้นก็อาจถูกท�าให้เกิดขึ้นซ�้า
74 Ibid., 252.
75 Ibid., 26.
76 Ibid., 277.