Page 19 - kpiebook67011
P. 19

18      ประชาธิปไตยในความคิดของฮันนาห์ อาเรนดท์







                               16
             New York Times   หรือในบทความ ‘On the Emancipation of Women’ ในปี 1933 ที่เธอคิดว่า
             เมื่อการเคลื่อนไหวของผู้หญิงเข้าร่วมขบวนการทางการเมือง ขบวนการนั้นก็จะเป็นการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
             ไม่แตกต่างกัน ไม่เกี่ยวกับเพศ ซึ่งก็ไม่เคยประสบผลส�าเร็จในฐานะเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมชัดเจน

                                                  17
             นอกเหนือจากเป้าหมายด้านมนุษยธรรม   จะเห็นได้ว่าเธอไม่ได้สนใจและให้ความส�าคัญกับอัตลักษณ์
             ในเรื่องเพศ ขณะเดียวกันเธอเลือกที่จะนิยามตัวตนของเธอว่าเธอเป็นยิวอย่างภาคภูมิใจ เธอได้เคยกล่าวว่า

             ค�าตอบของเธอเมื่อถูกถามว่า คุณเป็นใครนั้น ตอบได้เลยว่าเป็นคนยิว เพราะนั่นคือค�าตอบที่ค�านึงถึง
             ความเป็นจริงของการข่มเหง
                                       18

                      สังเกตได้ว่า อาเรนดท์นั้น มีความฝังใจกับการที่คนยิวนั้นถูกกระท�าเป็นอย่างมาก ด้วยประสบการณ์

             จริงที่ถูกจับกุม ถูกข่มขู่ สอบปากค�า จนต้องหนีออกนอกประเทศด้วยความไม่ยุติธรรมและลัทธิเผด็จการ
             และยังร่วมทุกข์ร่วมสุขช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากความตาย การได้เห็นช่วงเวลาที่มืดมนของมนุษยธรรมแบบนั้น
             ก็คงจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ อีกทั้งสาเหตุที่เธอถูกเลือกปฏิบัติแบบนั้นก็เป็นเพราะว่าเชื้อชาติของเธอเอง

             ที่เป็นยิว ดังนั้น จึงคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะพยายามแสดงอัตลักษณ์ของตนเองว่าเป็นยิว เพื่อแสดง

             ให้เห็นถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของเชื้อชาติของเธอ แต่แน่นอนว่าความคิดแบบนี้ย่อมมีสองด้าน
             เพราะเมื่อผู้ที่ถูกกระท�ารู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมก็ต้องการทวงความยุติธรรม และเมื่อมีประสบการณ์
             ที่ถูกกระท�าแล้ว ก็จะต้องพยายามหาทางป้องกันตัวเอง ความคิดเหล่านี้ยังปรากฏให้เห็นจวบจนในปัจจุบัน

             เช่นในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล/ปาเลสไตน์ ซึ่งในยุคสมัยหนึ่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบสิ้น

             อาเรนดท์ยังเคยเสนอให้ก่อตั้งกองทัพของชาวยิว ซึ่งยิวนั้นไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นเสมือนสังคมที่มีความเชื่อ
             ทางศาสนาร่วมกัน การตั้งกองทัพหรือกองก�าลังจึงไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันความมั่นคงของชาติหรือรัฐหนึ่ง
             แต่หากมองในแง่ร้าย อาจน�ามาซึ่งสงครามทางความเชื่อ ซึ่งรุนแรงกว่าสงครามเพื่อชาติ รัฐ หรืออุดมการณ์

             ไหน ๆ ซึ่งก็เคยเป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกมาแล้ว จึงเกิดความกลัวว่าอาจจะเกิดสงครามโลกตามมาอีกครั้ง

             เพราะในช่วงนั้นความนิยมของอาเรนดท์ในโลกของการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็นับว่าสูง ในช่วงทศวรรษ

             ที่ 1960 ในการต่อสู้รณรงค์เรื่องสิทธิพลเมือง มีการเกิดขึ้นลัทธิอาเรนดท์ (The Arendt Cult) ซึ่งได้รับ

             ความนิยมมีการผลิตแสตมป์ฮันนาห์ อาเรนดท์ มีรางวัลฮันน่าห์ อาเรนด์ สายการบินอย่าง Lufthansa

             ของเยอรมนียังมีเครื่องบินฮันน่าห์ อาเรนดท์ ตลอดจนใช้อาเรนดท์เป็นผู้ให้อิทธิพลทางความคิด
             ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ดังนั้นบทบาทของเธอในการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์
             จึงมีความส�าคัญต่อการตัดสินใจ หรือกระท�าการของการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการให้ความเห็น

             ในเชิงตัดสินต่อสถานการณ์ประจ�าวัน   แต่นั่นก็คงจะเป็นแรงผลักดันให้เธอผลิตงานเขียนที่น่าสนใจ
                                                19
             ของเธอ ซึ่งจะได้อภิปรายต่อไป


             16   Young-Bruehl, Hannah Arendt, 272.
             17   Hannah Arendt, Essays in Understanding, 1930-1954: Formation, Exile, and Totalitarianism, 2005, 68.
             18   Hannah Arendt, Men in Dark Times, 1970, 17.

             19   Laqueur, ‘The Arendt Cult’, 485.
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24