Page 43 - kpiebook66025
P. 43
43
มีความต้องการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 17
ตลอดช่วงปี 1927 – 1941 สภาประชาชนได้เสนอร่างกฎหมายทั้งหมด 6 ฉบับ
โดยมีเพียง 3 ฉบับเท่านั้นที่ถูกรับรองโดยรัฐบาลดัตซ์ นอกจากนี้สภาประชาชน
ยังมีการยื่นค�าร้องจ�านวนหนึ่ง หนึ่งในค�าร้องที่ชื่อว่า Petisi Soetardjo ที่ยื่นโดย
สมาชิกของสภาประชาชนและผู้น�ากลุ่มชาวพื้นเมืองในปี 1936 ค�าร้องดังกล่าวเกี่ยวกับ
การยื่นอุทธรณ์ต่อการประชุมที่จะต้องมีสัดส่วนตัวแทนจากชาวพื้นเมืองเพิ่มมากขึ้น
เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อให้อินโดนีเซียสามารถเป็นประเทศที่ปกครองตนเองได้
ภายใต้รัฐธรรมนูญของดัตซ์ แต่ทว่าค�าร้องดังกล่าวถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลดัตซ์
ในพฤศจิกายน 1938 บุคคลที่ค่อนข้างมีบทบาทในสภาประชาชน เช่น ฮาย อากุส ซาลิม
(H. Agus Salim), แอบดอล์ ม้อยส์ (Abdoel Moeis), โซตารโจ คาร์โตฮาดีโก
สมโม, มาส อับดุลคัสซัน อัสโมดีโรโน (Mas Abukassan Atmodirono), โมฮัมหมัด
ฮุนนี ทัมมาริน (Mohammad Husni Thamrin), ราชจิมัน เวอโยดีนิรัต (Dr. Radjiman
Wedyodiningrat) และ โกโซมา อูโตโจ (Koesoema Oetojo)
ในวันที่ 8 มีนาคม 1942 อินโดนีเซียเริ่มด�าเนินการเพื่อเป็นเอกราช
แต่เจ้าอาณานิคมดัตซ์กลับเข้ามาปกครองอีกครั้ง การเปลี่ยนผ่านอ�านาจดังกล่าวเป็นผลให้
สภาประชาชนที่พยายามด�าเนินการเพื่อเป็นรัฐอิสระไม่ได้รับการยอมรับ จนกระทั่ง
วันที่ 1 สิงหาคมปี 1943 มีการจัดตั้งสภาที่ปรึกษากลาง (Chuo Sangi - in หรือ Dewan
Pertimbangan Pusat หรือ Central Advisory Council) มีหน้าที่ในการยื่นข้อเสนอ
ต่อรัฐบาลดัตซ์ โดยมีหัวหน้าเป็นสุการ์โน เพื่อด�าเนินการปลดปล่อยอินโดนีเซีย
18
เป็นประเทศเอกราช
2) ยุคประชาธิปไตยแบบชี้น�า
ความปรารถนาที่จะมีสถาบันอันเป็นตัวแทนจากประชาชนเกิดขึ้นหลังจาก
การประกาศเอกราชของชาวอินโดนีเซีย กล่าวคือ ประธานาธิบดีสุการ์โนผู้ประกาศเอกราช
17 Arief Nurrachman, “Sejarah Parlemen Indonesia,” KompasPedia (19 October 2020),
http:// Sejarah Parlemen Indonesia - Kompaspedia (สืบค้นเมื่อ 22 มีนาคม 2565).
18 Dwi Erianto, “Parlemen Indonesia dari Masa ke Masa,”