Page 151 - kpiebook66022
P. 151
การประเมินผลการดำาเนินงานของรัฐสภา
โดยใช้เกณฑ์และตัวชี้วัดของ Inter-Parliamentary Union (IPU)
การมีช่องทาง ความถี่ และความครอบคลุมของการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการดำาเนินงาน
ของรัฐสภาและกรรมาธิการ (T3)
ในเรื่องการมีช่องทาง ความถี่ และความครอบคลุมของการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ
การดำาเนินงานของรัฐสภาและกรรมาธิการ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและการสัมมนากลุ่มย่อย
(focus group) พบว่าในปัจจุบันนี้มีช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการดำาเนินงานของรัฐสภาและ
กรรมาธิการมากกว่าในอดีต เช่น โทรทัศน์รัฐสภา หรือ Facebook อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เป็นประเด็น
สำาคัญ คือ การเข้าถึงข้อมูล การมีช่องทางนำาเสนอมาก แต่ข้อมูลก็ไม่น่าสนใจ มีแต่การให้ข้อมูลเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นส่วนหนึ่งที่มองว่าน่าจะมีการขยายการนำาเสนอข่าวไปยังสื่อท้องถิ่นให้มากขึ้นด้วย
เพราะในต่างจังหวัด สื่อของรัฐสภาอาจจะยังเข้าถึงได้ไม่มากนัก
รูปแบบ วิธีการ และภาษาที่ใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลของรัฐสภา และกรรมาธิการ (T4)
ในเรื่องรูปแบบ วิธีการ และภาษาที่ใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลของรัฐสภา และกรรมาธิการ ข้อมูล
จากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและการสัมมนากลุ่มย่อย (focus group) พบว่าโดยส่วนใหญ่มีความเห็น
ไปในทิศทางเดียวกันว่ารูปแบบ วิธีการและภาษาที่ใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลของรัฐสภาและกรรมาธิการนั้น
มีลักษณะการใช้ภาษาที่เป็นทางการ ใช้ศัพท์เฉพาะ เข้าใจได้ยากสำาหรับคนทั่วไป อีกทั้งการนำาเสนอก็
ไม่น่าสนใจ และมีข้อเสนอแนะว่าควรปรับเปลี่ยนแนวคิดในการนำาเสนอข้อมูลของรัฐสภาและกรรมาธิการ
ต่อประชาชน มีการย่อยข้อมูลที่ทำาให้เข้าใจได้ง่าย รัฐสภาควรสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องข้อมูลของ
รัฐสภาเบื้องต้นให้แก่สาธารณะ การนำาเสนอข้อมูลโดยสื่อของรัฐสภาควรปรับเปลี่ยนให้มีการนำาเสนอ
ที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจ เช่น การนำาเสนอผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือควรให้มีงบประมาณหรือ
เงินอุดหนุนเพื่อนำาเสนอข้อมูลที่เข้าใจง่าย เช่นการทำาหนังสั้น
โอกาสและความสะดวกของประชาชนในการเสนอความคิดเห็น ปัญหา ร้องทุกข์กับผู้แทน
และกรรมาธิการโดยตรง (T5)
ในเรื่องโอกาสและความสะดวกของประชาชนในการเสนอความคิดเห็น ปัญหา ร้องทุกข์
กับผู้แทนและกรรมาธิการโดยตรง ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและการสัมมนากลุ่มย่อย (focus
group) พบว่า ในเรื่องการเสนอความคิดเห็นหรือการร้องทุกข์กับ ส.ส. และ ส.ว.นั้น ส่วนหนึ่งมองว่า
สามารถติดต่อร้องทุกข์ได้ง่าย และในปัจจุบันเมื่อมีสื่อสังคมออนไลน์ด้วยแล้ว ทำาให้การร้องทุกข์นั้นง่ายขึ้น
กว่าเดิม แต่อีกส่วนหนึ่งก็มองว่า ไม่สามารถติดต่อ ส.ส. จะเจอได้แต่ตอนเฉพาะช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้วก็ไม่เจออีกเลย อาจจะเจอได้แต่ตามงานต่าง ๆ เท่านั้น ส่วนในเรื่องการร้องทุกข์
หรือนำาเสนอความคิดเห็นต่อกรรมาธิการ ข้อมูลส่วนใหญ่มองว่าเป็นการร้องทุกข์เชิงประเด็น ซึ่งแตกต่าง
จากการร้องทุกข์กับ ส.ส. หรือ ส.ว. เป็นการดำาเนินการที่ยากกว่า และการร้องทุกข์ต่อกรรมาธิการนั้น
ประชาชนเข้าถึงได้น้อย และไม่มีในระดับจังหวัดหรืออำาเภอ ประชาชนต้องร้องทุกข์ไปยังส่วนกลาง
เพียงอย่างเดียว และมีข้อเสนอแนะให้มีตัวแทนรัฐสภาประจำาจังหวัด และให้ผู้ช่วยดำาเนินงาน ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ชำานาญการของ ส.ส. และ ส.ว. มารับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ควรมีช่องทางที่สามารถติดตามเรื่อง
ร้องเรียนต่าง ๆ ได้
137