Page 148 - kpiebook66022
P. 148

สถาบันพระปกเกล้า
             King Prajadhipok’s Institute

                   คุณลักษณะของกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา (L3)
                   ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและการสัมมนากลุ่มย่อย (focus group) เห็นว่า
          คุณลักษณะของกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภายังมีระดับภาษาที่ยากต่อการเข้าใจสำาหรับประชาชน
          ทั่วไป กฎหมายที่ตราขึ้นมีลักษณะเป็นการแก้ไขเฉพาะเรื่องโดยไม่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ และไม่เกิด
          ประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชนนัก และยังเห็นว่า รัฐสภายังขาดในด้านการสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ
          ข้อมูลข่าวสาร จึงควรผลิตคำาอธิบายกฎหมายฉบับประชาชน เพื่อการเข้าถึงได้ดีขึ้น

                  ขีดความสามารถของกรรมาธิการในการทำาหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ (L4)
                   ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและการสัมมนากลุ่มย่อย (focus group) มีความเห็น
          เป็นสองทาง คือ เห็นว่าบุคลากรในคณะกรรมาธิการมีความรู้ หลาย ๆ ท่านเป็นนักวิชาการในประเด็นนั้น ๆ
          โดยตรง แต่อีกทางหนึ่งเห็นว่า กรรมาธิการยังขาดความรู้ความสามารถ ต้องหาผู้มีความรู้ หรือผู้ช่วยมา
          ดำาเนินการจัดทำาเรื่องที่เกี่ยวข้อง จึงควรกำาหนดเกณฑ์ในการเลือกกรรมาธิการที่มีความสามารถ และมี
          ความรู้เฉพาะด้านมาเป็นกรรมาธิการเพื่อนดำาเนินงานตามกิจการต่าง ๆ
                  กรอบระยะเวลาและงบประมาณในการตรากฎหมาย (L5)
                   ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและการสัมมนากลุ่มย่อย (focus group) เห็นค่อนข้าง
          ตรงกันว่ารัฐสภาใช้งบประมาณด้านนี้ยังไม่เหมาะสม เนื่องจากงบประมาณส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถูกนำามาใช้

          เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน งบประมาณหลาย ๆ ส่วนถูกใช้อย่างสิ้นเปลืองเกินไปในบางกระบวนการ
          เช่น การประชุมที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพของกฎหมายที่ได้ นอกจากนี้ ยังเห็นว่า
          กระบวนการตรากฎหมายถูกเตะถ่วงทั้งจากหน่วยงานส่วนราชการต่าง ๆ และพรรคการเมือง ทำาให้มี
          ความล่าช้ามาก
               4.2.3  ด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร
                  ระบบการได้มาซึ่งข้อมูลและการตรวจสอบการทำางานของฝายบริหาร (O1)
                   ประเด็นเกี่ยวกับระบบการได้มาซึ่งข้อมูลและการตรวจสอบการทำางานของฝ่ายบริหาร

          ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและการสัมมนากลุ่มย่อย (focus group) พบว่ากลไกในการตั้งกระทู้ถาม
          ของรัฐสภาค่อนข้างอ่อนแอ  เนื่องจากเป็นเพียงการตั้งกระทู้เพื่อเรียกกระแสมากกว่าจะแก้ไขปัญหาสังคม
          หรือการขับเคลื่อนนโยบายในเชิงมหภาค ภาคประชาชนไม่ทราบระบบการตั้งกระทู้ภายในรัฐสภา
          เนื่องจากรัฐบาลและรัฐสภาไม่เคยแจ้งหรือประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ กรอบระยะในการตรวจสอบ
          การทำางานฝ่ายบริหารนั้นอาจไม่เหมาะสมกับประเด็นที่ตรวจสอบ รวมทั้งระบบการได้มาซึ่งข้อมูลนั้น
          ฝ่ายบริหารมักจะประท้วงก่อนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายจบ จึงทำาให้กระบวนการตรวจสอบของรัฐสภาไม่มี
          ประสิทธิภาพมากนัก
                   มีข้อเสนอให้เพิ่มระยะเวลาในการอภิปรายเพื่อที่จะมีเวลาในการตรวจสอบได้มากขึ้น
          ผู้อภิปรายจะต้องมีการเตรียมเรื่องให้เหมาะสมกับระยะเวลาในการอภิปราย รัฐสภาควรเพิ่มมีช่องทาง

          ให้ประชาชนรับทราบถึงการตั้งกระทู้ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อเนื้อหา ประเด็นที่สำาคัญที่เกี่ยวกับปากท้อง
          ของประชาชนให้รับรู้ อีกทั้งเสนอแนะให้มีเจ้าหน้าที่รัฐสภาประจำาจังหวัดแต่ละจังหวัด เพื่อทำาหน้าที่


           134
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153