Page 53 - kpiebook65072
P. 53
52 บทบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
บุคคลหนึ่งจะได้รับความคุ้มครองจากรัฐและมีความสามารถที่จะอุปโภค
55
สิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ได้ ในอดีตพบว่ามีเหตุการณ์จำานวนมากที่มีการกระทำา
ในลักษณะที่ปฏิเสธการมีสถานะตามกฎหมายของบุคคล เช่น การเอาบุคคล
ลงเป็นทาส การเหยียดสีผิว หรือการนำาตัวบุคคลไปเป็นนักโทษในค่ายกักกัน
ซึ่งบุคคลที่ตกอยู่ในสภาพดังกล่าว ล้วนไม่มีสถานะตามกฎหมายในฐานะที่เป็น
บุคคล แต่มีสถานะเป็นเพียงทรัพย์สินหรือสถานะอื่น ๆ เท่านั้น นอกจากนี้
56
การที่บุคคลหนึ่งต้องตกอยู่ในสถานะที่เป็นคนไร้สัญชาติ กล่าวคือ ไม่อาจ
ถือสัญชาติใดได้เพราะมิได้รับการยอมรับว่าเป็นคนชาติของรัฐใดเลย ก็อาจ
ทำาให้การเข้าถึงการอุปโภคสิทธิมนุษยชนของบุคคลนั้นถูกจำากัดได้ ดังนั้น
การที่บุคคลหนึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย จะทำาให้บุคคลนั้น
มีสถานะเป็น “ผู้ทรงสิทธิและหน้าที่” (Bearer of Rights and Duties)
57
ทั้งนี้ Hannah Arendt ผู้เขียนหนังสือ The Origin of Totalitarianism
ได้สรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า สิทธิที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย
คือ “สิทธิในการที่จะมีสิทธิ” (Rights to Have Rights)
58
ในกรณีการทรมาน บุคคลที่ถูกทรมานมักไม่อยู่ในสถานะที่จะอุปโภค
สิทธิมนุษยชนใด ๆ ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งได้ เพราะต้องตกอยู่ภายใต้
การควบคุมหรือการสั่งการของผู้ทรมานและอาจไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็น
บุคคลตามกฎหมายอีกต่อไป ส่วนกรณีการกระทำาให้บุคคลสูญหายนั้น แม้มิอาจ
พิสูจน์ให้แน่ชัดได้ว่าบุคคลนั้นมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรหรือเสียชีวิต
ไปแล้วหรือไม่ แต่การที่บุคคลสูญหายไปก็อาจทำาให้บุคคลนั้นได้รับการสันนิษฐาน
ว่าได้ถึงแก่ความตายแล้ว ส่งผลให้บุคคลนั้นไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคล
55 Supra Note 36, p. 369, para. 1
56 Ibid, para. 2.
57 Ibid, para. 2.
58 Hannah Arendt, The Origin of Totalitarianism (Harcourt, Brace,
Jovanovich), 1973), p. 420.
inside_ .indd 52 14/9/2565 11:15:01