Page 22 - kpiebook65057
P. 22
ภาคพลเมืองในส่วนที่เป็นฐานของพีระมิด จึงจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
ให้กับพลเมือง รวมถึงการสร้างความเข้าใจให้กับผู้แทนที่ชนะการเลือกตั้งให้เข้าใจ
ถึงการเมืองภาคพลเมืองไปพร้อมกัน
จากการศึกษาพัฒนาการการเมืองภาคพลเมืองตั้งแต่ พ.ศ.2475 - ปัจจุบัน
และการศึกษามโนทัศน์ความเข้าใจการเมืองภาคพลเมืองมาวิเคราะห์ความหมายของ
การเมืองภาคพลเมือง สามารถจำแนกความหมายของการเมืองภาคพลเมืองได้เป็น
สองประเภท ได้แก่ การเมืองภาคประชาชน (People’s Politics) และการเมืองภาคพลเมือง
(Citizen Politics) การเมืองแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้
• การเมืองภาคประชาชน (People’s Politics) คือ ลักษณะของการเมือง
ที่ประชาชนรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐ (Hard Power) เป็นลักษณะ
ของการเมืองที่ประชาชนมีความไม่ไว้วางใจ และไม่เชื่อมั่นในรัฐจนทำให้เกิดเป็น
การรวมกลุ่มกันขึ้น เช่น การประท้วงด้วยการรวมตัวกันบนท้องถนน การเรียกร้อง
เพื่อให้มีการแก้ไขกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญที่ก่อให้เกิดการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ
ของประชาชน หรือการล้มล้างอำนาจรัฐ เป็นต้น ทั้งนี้ การเมืองภาคประชาชนที่มี
เป้าหมายเพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐมีสาเหตุมาจากหลากหลาย
ปัจจัย เช่น การจัดสรรอำนาจที่ไม่สมดุล ความไม่เท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมาย
ความไม่เท่าเทียมในการจัดสรรทรัพยากร ความเหลื่อมล้ำ ความไม่พอใจในการ
บริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ และได้ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและ
สังคม เป็นต้น
• การเมืองภาคพลเมือง (Citizen Politics) เป็นลักษณะของการที่
ประชาชนเข้าไปมีอิทธิพลต่อการใช้อำนาจรัฐ (Soft Power) กล่าวคือ การที่ประชาชน
มีความตื่นตัวทางการเมืองและต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น การมีส่วน
ร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะ การมีส่วนร่วมในการแก้ไขกฎหมาย รัฐธรรมนูญ
หรือการมีส่วนร่วมในการเข้าไปกำกับควบคุมการใช้อำนาจรัฐ เพื่อให้ดำเนินการตาม
ที่ตนเองต้องการ โดยการเมืองภาคพลเมืองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
XXI