Page 185 - kpiebook65057
P. 185
ปัญหาความขัดแย้งในระดับชาติยังส่งผลต่อการเคลื่อนไหวการเมือง
ภาคพลเมือง ความขัดแย้งและความแตกแยกของกลุ่มต่าง ๆ ทำให้การรวมกลุ่มกัน
เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่
เหมือนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้บรรดาแกนนำที่เคยมีบทบาทในการนำการเมือง
ภาคประชาชนตัดสินใจที่จะเข้าสู่ระบบการเมืองและหันไปสนับสนุนอำนาจรัฐมากขึ้น
ความขัดแย้งทางการเมือง ความแตกแยกของคนในสังคมมีความรุนแรงอย่างมาก
เกิดการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างความเกลียดชัง ระหว่างประชาชนที่สนับสนุน
การรัฐประหารและประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของกองทัพ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเมืองภาคพลเมืองยุคนี้คือ ปัจจัยด้านการจัดสรรอำนาจ
ที่ไม่เป็นธรรม ช่องว่างระหว่างวัย (generation gap) ปัญหาการรับรองสิทธิเสรีภาพ
ปัญหาประสิทธิภาพทางการเมือง ปัญหาความเหลื่อมล้ำและปัญหานโยบายและ
การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม การเมืองภาคพลเมืองในยุคนี้ถูกกดทับโดยกรอบ
รัฐธรรมนูญที่ให้มีการรวมศูนย์อำนาจมากขึ้น แตกต่างจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ 2540
ที่ให้มีการกระจายอำนาจลงไปสู่ชุมชนท้องถิ่น ลักษณะโครงสร้างในการจัดสรรอำนาจ
ทางการเมืองเป็นการผูกขาดอำนาจไว้ที่ส่วนกลางทำให้กลุ่มข้าราชการ ชนชั้นนำ
กลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ ได้รับประโยชน์อย่างมากจากโครงสร้างทางการเมืองและ
เศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ (centralization) ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มขึ้น
อีกทั้งนโยบายและกฎหมายได้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มอำมาตย์และข้าราชการ
ให้เข้ามามีบทบาทและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของภาครัฐ ทำให้เกิดปัญหา
ความขัดแย้งระดับชาติ ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุน และ
ภาคประชาชน ปัญหาความไม่เป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมายการเลือกปฏิิบัติ
เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ช่องว่างระหว่างวัย คือคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่มีแนวโน้ม
ที่จะปะทะกันในเชิงความคิดมากขึ้น ทำให้การเมืองภาคพลเมืองเข้าสู่วังวน
ความขัดแย้ง และนำสังคมเข้าสู่บริบทที่มีการบ่มเพาะค่านิยมของประชาชน
ที่ไม่สนับสนุนประชาธิปไตย อันนำมาสู่กระแสการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
ทางการเมืองในปัจจุบัน
130