Page 16 - kpiebook65057
P. 16
ผู้กระทำผิด ต่อมามีการยกระดับการชุมนุมทำให้เหตุการณ์เริ่มตึงเครียด โดยเฉพาะ
การแสดงละครล้อการเมืองที่เป็นชนวนของการตัดสินใจเข้าปราบปรามนักศึกษา
ของทหาร ตำรวจในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 จนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและ
มีผู้คนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม การเมืองภาคพลเมืองซบเซา
และถดถอยลง การขึ้นสู่อำนาจของรัฐบาลพลเรือนที่มีนโยบายขวาสุดโต่งภายใต้
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ทำให้มีการปราบปรามฝ่�ายที่ต่อต้านรัฐ มีการจับกุม
ดำเนินคดีแกนนำจำนวนมาก ความกลัวที่จะถูกจับกุม ทำให้นักศึกษาต้องหลบหนี
เข้าไปในเขตป�าเขาและร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยต่อสู้กับ
อำนาจรัฐ นโยบายปราบปรามฝ่�ายซ้ายอย่างรุนแรงของรัฐบาลทำให้แกนนำ
ไม่สามารถต้านทานกระแสการปราบปรามได้ อีกทั้งแกนนำบางส่วนยังเปลี่ยน
อุมดการณ์หันไปสนับสนุนรัฐ ละทิ้งอุดมการณ์เพื่อประชาชน
1.1.5) ยุคก่อตัวของการเมืองภาคพลเมือง พ.ศ.2530 - 2540
การเมืองภาคพลเมืองในยุคนี้เริ่มขยายขอบเขตไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น
นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่เริ่มก่อตัวในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา หลังการบังคับใช้แผน
พัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 พ.ศ. 2504 ส่งผลให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น
โรงไฟื้ฟื้้า การสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ส่งผลให้นโยบายของรัฐได้เข้าไปมีผลกระทบต่อ
ชาวบ้านตามพื้นที่ต่างๆ และการพัฒนาอุตสาหกรรมได้ส่งผลต่อความเสื่อมโทรม
ของระบบนิเวศ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติลดลง ผลระทบที่เกิดขึ้น
นำไปสู่การเติบโตขึ้นของกลุ่มเอ็นจีโอ (NGO) นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เกิดการเมือง
ภาคประชาชนในหมู่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการต่างๆ และการตัดสิน
ใจเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อต่อสู้กับอำนาจรัฐ เช่น การจัดตั้งขบวนการสมัชชาคนจน
สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ขบวนการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน ขบวนการอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อม ภาคประชาชนหันมาขับเคลื่อนนโยบายทางสังคม ซึ่งผู้ที่มีบทบาทสำคัญ
คือ นิสิตนักศึกษาที่เคยร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เริ่มออกจากป�า
เพื่อมาทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น บางส่วนหันไปเป็นแกนนำชาวบ้านเพื่อเคลื่อนไหว
ต่อสู้กับอำนาจรัฐ บางส่วนทำงานในมหาวิทยาลัย ผลิตงานทางวิชาการ ต่อมา
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 การเมืองภาคพลเมืองเริ่มมีบทบาทสำคัญ
XV