Page 74 - kpiebook65043
P. 74
4 สรุปการประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23
ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่
จิตวิทยา” ของฝ่ายทหารที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 เท่านั้น เพราะฝ่ายทหารมีขีดความสามารถ
และมีทักษะของการใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาเป็นเครื่องมือมาตั้งแต่ยุคสงครามคอมมิวนิสต์ และ
วันนี้เราก็ยังเห็นการใช้กลไกและเครื่องมือเช่นนั้นอยู่ บทบาทในมิตินี้เป็นประเด็นสำคัญ
ในการเมืองไทย
3) การสร้างกลไกการควบคุมทางการเมืองเพื่อควบคุมกระแสของการต่อต้านทาง
การเมือง กลไกชุดนี้เป็นกลไกของการใช้อำนาจทั้งทางฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และ
สถาบันตุลาการ เพื่อควบคุมผู้ที่มีความเห็นต่างและผู้ที่มีความเห็นแย้ง ดังที่เห็นได้ชัดเจนว่า
กลไกชุดนี้มีบทบาทอย่างมาก เพื่อรองรับการสร้างระบอบพันทาง และการดำรงอยู่ของระบอบ
การปกครองแบบที่เห็นในปัจจุบัน อีกทั้งทำให้ข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายในทางกฎหมายไม่มีผลต่อ
การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
4) การสร้างกลไกของ “รัฐราชการ” เพื่อเป็นเครื่องมือของระบอบพันทาง ซึ่งโดย
หลักการแล้ว รัฐในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ควรจะต้องลดความเป็นรัฐราชการลง แต่ไม่น่าเชื่อว่า
สิ่งที่พบเห็นในปัจจุบันคือ รัฐไทยกลับมีสภาวะเป็นรัฐราชการที่มากขึ้น ดังจะเห็นว่า เมื่อผู้นำ
รัฐบาลไทยอยู่ต่อหน้าสื่อหรือถ่ายรูปออกรายการต่าง ๆ ก็จะต้องแต่งเครื่องแบบข้าราชการ
เพื่อส่งสัญญาณว่า วันนี้ผู้นำรัฐบาลเป็นหัวหน้าสูงสุดของหน่วยราชการ สัญญาณพวกนี้แสดง
ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจินตนาการของผู้นำไทยยังติดอยู่กับชุดความคิดแบบเดิมว่ารัฐไทย
เป็นรัฐราชการ และหวังว่ารัฐราชการจะเป็นโอกาสของการขับเคลื่อนสังคมไทยในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดในมุมกว้าง อาจกล่าวได้ว่ารัฐราชการเป็นหนึ่งในตัวแบบของความล้าหลัง
ทางการเมืองเนื่องจากรัฐราชการเป็นผลผลิตจากการเมืองในศตวรรษที่ 20 และในศตวรรษที่ 21
ก็มีแต่รัฐที่พยายามจะลดระบบราชการ และหวังว่าการลดความเป็นรัฐราชการลงจะเป็นโอกาส
ของการพัฒนาสังคมและการพัฒนาการเมือง แต่ตรงกันข้ามกับบริบทของประเทศไทย
ในปัจจุบันที่ยังถือเอากลไกรัฐราชการเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนประเทศ
5) การสร้างกลไกของการแข่งขันทางการเมือง ด้วยการกำเนิดของ “พรรคทหาร”
ซึ่งอาจเรียกในทางทฤษฎีได้ว่าเป็นการกำเนิดของพรรคในระบอบเดิม หรือ “Regime Party”
และเป็นพรรคที่รับมอบอำนาจเพื่อที่จะดำเนินการทางการเมืองเพื่อให้ผู้นำทหารชุดเดิมจาก
การรัฐประหารสามารถมีอำนาจทางการเมืองต่อได้ภายใต้เงื่อนไขของการเลือกตั้ง จะเห็นว่า
การแสดงปาฐกถานำ กลไกลักษณะนี้สอดรับกับกลไกเดิมที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ พรรคทหารชุดหนึ่งอยู่ใน
วุฒิสภา และพรรคทหารอีกชุดหนึ่งอยู่ในเวทีการเมืองปกติ แต่ในขณะเดียวกัน คำถามที่
ท้าทายก็คือ อนาคตของพรรคทหารในสังคมไทยไม่เคยสดใส อย่างเช่นพรรคทหารในอดีตไม่ว่า
จะเป็นพรรคเสรีมนังคศิลาในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม พรรคชาติสังคมในยุคจอมพลสฤษดิ์
ธนะรัชต์ พรรคสหประชาไทยในยุคจอมพล ถนอม กิตติขจร หรือพรรคเสรีธรรมในยุคของ
กลุ่มนายทหารห้ารุ่น ซึ่งก็ล้วนต้องเผชิญการสิ้นสุดของพรรคทหารในรูปแบบเดียวกันคือ
การล่มสลายไปพร้อมกับระบบของทหารและสิ้นอำนาจไปพร้อมกับการหมดอำนาจของ