Page 218 - kpiebook65043
P. 218

21   สรุปการประชุมวิชาการ
           สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23
         ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่


                   - การทำข้อมูลดิจิทัล (Digital Data) โดยจะต้องทำระบบเปิดข้อมูลทุกส่วนผ่าน
           ระบบดิจิทัล (Open Data) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลของภาครัฐได้ ซึ่งรวมถึง
           ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของภาครัฐ และเปิดระบบให้ประชาชนสามารถบอก
           ความต้องการของประชาชนเองต่อภาครัฐได้เพื่อให้ภาครัฐสามารถปรับการบริการสาธารณะ

           ที่เหมาะสมกับประชาชนได้ และต้องเปิดให้ประชาชนประเมินการทำงานของภาครัฐ
           หรือสามารถติชมภาครัฐได้ จนท้ายที่สุด ต้องทำให้ช่องทางดิจิทัลกลายเป็นช่องทางที่สร้าง
           โอกาสให้ภาคส่วนอื่นเข้ามาร่วมทำงานกับรัฐได้

                 ที่สำคัญ ในประเด็นดังกล่าวนี้ เอกชัย สุมาลี ยังได้กล่าวเสริมอีกว่าการทำการบริหาร

           จัดการภาครัฐให้เป็นดิจิทัลนั้น ควรมีลักษณะเป็น “การแปลงโฉมให้เป็นดิจิทัล” (Digital
           transformation) โดยจะต้องมีการจัดกระบวนการและขั้นตอนให้มีการรองรับการทำงาน
           ของระบบดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการสร้างข้อมูลที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่องบนฐานข้อมูล

           ดิจิทัล ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลไกในการบริหารจัดการในแต่ละภาคส่วนให้มี
           การเชื่อมโยงข้อมูลกันได้ ทั้งนี้ เอกชัยเน้นย้ำว่าจะต้องมีการสร้างระบบจัดการฐานข้อมูล
           ทั้งหมด และต้องมีการทดสอบกระบวนการที่สร้างขึ้นมาสำหรับจัดการกับข้อมูล เพื่อให้ได้
           การจัดการข้อมูลที่มีความแม่นยำ และสามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในภาวะวิกฤต


                 นอกจากนี้ กอบศักดิ์ ภูตระกูล ก็ได้นำเสนอทางออกเพื่อปรับการบริหารจัดการภาครัฐ
           อีก 7 ประการ คือ

                 1) การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย : ซึ่งกอบศักดิ์ได้เน้นย้ำว่าควรจะต้องมีการทบทวน
           และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายโดยให้มีการบังคับใช้กฎหมายที่สามารถยืดหยุ่นต่อการจัดการกับ

           ภาวะวิกฤตได้ และเห็นว่ากฎหมายที่มีอยู่นั้นอาจไม่เพียงพอต่อการจัดการกับภาวะวิกฤต
           ที่สำคัญ กอบศักดิ์ยังเสนอด้วยว่าควรมีกฎหมายแม่บทเฉพาะที่บัญญัติเกี่ยวกับการจัดการวิกฤต
           ซึ่งกฎหมายนั้นอาจกำหนดให้มีการลัดขั้นตอนบางอย่าง หรือยกเว้นขั้นตอนบางประการที่มีใน
           ภาวะปกติได้ในกรณีที่เกิดภาวะวิกฤต


                 2) ระบบสั่งการ : ควรมีการสร้างระบบสั่งการที่มีวินัยมากกว่านี้ หรืออาจกำหนดให้
           ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการรวมศูนย์สั่งการในกรณีที่เกิดภาวะวิกฤต รวมถึงการกำหนดบทลงโทษ
           ในกรณีที่หน่วยงานบางหน่วยงานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตด้วย


                 3) การสร้างระบบเครือข่าย : ซึ่งหมายถึงการสร้างระบบโครงข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง
    สรุปการประชุมกลุ่มย่อยที่ 4   ในอนาคตวิกฤตที่เกิดขึ้นจะเป็นวิกฤตเชิงพื้นที่ ซึ่งถ้าหากให้รัฐบาลส่วนกลางลงไปแก้ไขเอง
           ในพื้นที่ แล้วให้โครงข่ายชุมชนในพื้นที่นี้มีบทบาทในการต่อสู้กับภาวะวิกฤตต่าง ๆ เพราะ


           ในชุมชน อาจไม่ได้ผลดีเท่าให้คนในชุมชนช่วยกันแก้ไขเองแล้วรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนการแก้ไข
           ปัญหานั้น ซึ่งข้อเสนอนี้สอดคล้องกับที่วสันต์ให้ความเห็นว่า ต่อไปรัฐบาลส่วนกลางอาจไม่ใช่

           ผู้เล่นหลัก แต่จะต้องวางตัวเป็นผู้อำนวยให้เกิดการแก้ไขปัญหา โดยกอบศักดิ์ได้กล่าวถึง
   213   214   215   216   217   218   219   220   221   222   223