Page 190 - kpiebook65043
P. 190
190 สรุปการประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23
ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่
โจทก์จะมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้มากกว่าที่ขอให้ศาลพิพากษา แต่ศาลก็ไม่สามารถพิพากษา
ให้เกินคำขอได้ ดังนั้น ในเบื้องต้นจึงเห็นว่าศาลไทยแทบจะเป็นตุลาการภิวัตน์เอง
โดยที่กฎหมายไม่ให้อำนาจไม่ได้เลย
นอกจากนี้ กล้า สมุทวณิช ยังได้กล่าวเสริมในประเด็นนี้โดยเชื่อมโยงกับทฤษฎี
การแบ่งแยกการใช้อำนาจของมองเตสกิเออร์ที่เป็นต้นแบบในการร่างรัฐธรรมนูญ
ลายลักษณ์อักษรทั่วโลกว่า การแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยเป็นสามอำนาจนั้น ดูเหมือนว่าอำนาจ
ตุลาการจะถูกแยกออกมาจากอำนาจอื่น ๆ เนื่องจากมองเตสกิเออร์เองก็กล่าวเน้นในงานเขียน
ของเขาว่าอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารนั้น เป็นอำนาจที่จะต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุล
ซึ่งกันและกัน ส่วนอำนาจตุลาการนั้นเป็นอำนาจที่ถูกแยกออกมาจากอำนาจอื่น ๆ และจะต้อง
เป็นอิสระจากอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ รัฐบาลจะไม่สามารถ
สั่งให้ศาลมีคำพิพากษาไปในทางที่ตนต้องการได้ และฝ่ายตุลาการจะต้องมีความเป็นอิสระทั้ง
ภายนอกและภายใน นั่นคือ อิสระภายนอกตรงที่ไม่มีองค์กรใดที่จะบังคับให้ศาลต้องพิพากษา
คดีไปในทางที่ตนต้องการได้ และอิสระภายในหมายถึงกรณีที่ตัวผู้พิพากษาเองก็มีความมั่นคง
ในตำแหน่ง ไม่ใช่ว่าบุคคลใดจะใช้การโยกย้ายหรือการเลื่อนตำแหน่งมาข่มขู่ให้ผู้พิพากษา
มีคำพิพากษาไปในทางที่ตนต้องการได้แม้แต่จะเป็นผู้พิพากษาระดับสูงด้วยกันเองก็ตาม
ทั้งนี้ ในยุคแรกที่มองเตสกิเออร์เขียนตำรานั้น เป็นยุคที่ยังไม่มีการแบ่งแยกกฎหมาย
เอกชนออกจากกฎหมายมหาชนอย่างชัดเจน ดังนั้น การมองขอบเขตในการพิพากษาคดีของ
ศาลจึงมองไปที่การตัดสินคดีตามกฎหมายเอกชน นั่นคือ การตัดสินคดีแพ่งและคดีอาญา
และฝ่ายตุลาการเองก็ไม่ได้ถูกมองว่าจะต้องมาตรวจสอบหรือถ่วงดุลการใช้อำนาจของ
ฝ่ายการเมือง ดังนั้น การกำหนดถึงคุณสมบัติและที่มาของผู้พิพากษา จึงมีลักษณะเฉพาะ
ที่ไม่เหมือนกับฝ่ายการเมืองอื่น ๆ นั่นคือ กำหนดให้ผู้ที่จะเป็นผู้พิพากษาจะต้องมีคุณสมบัติ
และมีความรู้เฉพาะ และไม่ยึดโยงกับฝ่ายการเมืองอื่น ๆ ตลอดจนมีการยึดโยงกับประชาชนน้อย
เพราะโดยทั่วไปงานของฝ่ายตุลาการแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว
และเนื่องจากการไม่มีจุดยึดโยงกับการเมืองและมีจุดเกาะเกี่ยวกับประชาชนน้อยนี่เอง
ทำให้การตัดสินคดีของศาลจะเน้นไปที่การชี้ว่า “ถูก” หรือ “ผิด” กฎหมาย เท่านั้น
แต่ไม่สามารถวินิจฉัยคดีไปในทางที่ว่า “ควรทำอย่างไร” ได้ ซึ่งเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจ
ฝ่ายบริหาร
สรุปการประชุมกลุ่มย่อยที่ 3 ให้มีการแบ่งแยกการใช้อำนาจอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และศาลก็ถือว่าจะต้องจำกัดอำนาจ
แล้วตุลาการภิวัตน์ มีจุดเริ่มต้นในโลกจากตรงไหน ?
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายประเทศที่บัญญัติรัฐธรรมนูญตามหลักมองเตสกิเออร์จะกำหนด
ตนเองโดยการตัดสินคดีตามกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติตราขึ้นเท่านั้นเช่นกัน แต่ก็เริ่มมี
วิวัฒนาการที่บ่งชี้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาไปในทางที่ยกเลิกการตัดสินใจของฝ่ายการเมือง