Page 189 - kpiebook65043
P. 189

สรุปการประชุมวิชาการ
                                                                               สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23  1 9
                                                                                   ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่


             การวินิจฉัยคดีทางการเมืองของฝ่ายตุลาการในประเทศไทย :
             ตุลาการภิวัตน์ หรือการตีความกฎหมาย ?

             (judicial activism or judicial interpretation)


                   เริ่มที่การทบทวนการใช้อำนาจตุลาการในประเทศไทยที่มีการกล่าวถึงกันบ่อยครั้งในช่วง
             ที่ผ่านมาว่าการใช้อำนาจตุลาการในประเทศไทยเกี่ยวกับการวินิจฉัยคดีทางการเมืองนั้น
             มีลักษณะเป็น “ตุลาการภิวัตน์” (Judicial activism) ซึ่งหมายถึง “การขยายขอบเขตอำนาจ

             พิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลเข้าไปในปริมณฑลที่ปกติเป็นอำนาจหน้าที่ของนักการเมือง
             หรือฝ่ายปกครองหรือเข้าไปก้าวก่ายอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายปกครอง”  หรือ
                                                                                         2
             “การมีบทบาทของฝ่ายตุลาการโดยใช้วิธีการวินิจฉัยพิพากษาคดีออกนอกขอบเขตการใช้อำนาจ
             ตุลาการโดยแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายหรือชอบ
             ด้วยรัฐธรรมนูญของบทบัญญัติแห่งกฎหมายต่าง ๆ” หรือกล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ตุลาการภิวัตน์

             เป็นกรณีที่ฝ่ายตุลาการเองได้วินิจฉัยคดีที่ส่งผลกระทบทางการเมืองที่โดยหลักแล้วไม่อยู่ในขอบ
             อำนาจของฝ่ายตุลาการ ซึ่งในประเด็นนี้ จรัญ ภักดีธนากุล ได้ร่วมแลกเปลี่ยนว่าจริง ๆ แล้ว
             ถ้าหากมองว่า “ตุลาการภิวัตน์” คือกรณีที่ศาลไปใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดเอง

             แล้วส่งผลให้เกิดการก้าวล่วงกับฝ่ายการเมืองแล้วนั้น ตุลาการภิวัตน์ในประเทศไทยแทบจะ
             เรียกว่าเกิดขึ้นไม่ได้เลย เนื่องจากเหตุผลสำคัญห้าประการ คือ หนึ่ง เขตอำนาจของศาลจะต้อง
             เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งถือว่าเป็นหลักการที่สำคัญในการวินิจฉัยคดี หรือกล่าวอีก
             นัยหนึ่งก็คือ กฎหมายกำหนดให้ศาลมีขอบเขตในการวินิจฉัยคดีแค่ไหน ศาลก็จะต้องวินิจฉัย
             คดีได้แค่นั้น ไม่ว่าจะเป็นเขตอำนาจในเรื่องของพื้นที่ หรือในเรื่องของเนื้อหาก็ตาม ศาลจะไปรับ

             คดีที่อยู่นอกเขตอำนาจของตนเองไม่ได้ สอง ศาลไม่สามารถยกคดีขึ้นวินิจฉัยเองได้ นั่นคือ
             แม้ว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นข้อพิพาทที่อยู่ในเขตอำนาจศาลนั้นก็ตาม แต่ถ้าหากไม่มี
             การนำข้อพิพาทมาสู่ศาล (ไม่มีการฟ้องร้อง) ศาลก็ไม่สามารถหยิบยกคดีขึ้นมาวินิจฉัยเองได้

             สาม เมื่อมีการนำคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลแล้ว ศาลจะต้องตรวจสอบอีกว่า คำฟ้องร้อง
             นั้น ต้องการให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นอะไรหรือตรวจสอบอะไร และผู้ที่ฟ้องร้องนั้น มีอำนาจ
             ในการฟ้องร้องคดีดังกล่าวหรือไม่ ถ้าหากผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็ไม่สามารถรับคดีไว้
             พิจารณาได้ สี่ ในกรณีที่ศาลได้รับวินิจฉัยคดีใดแล้ว การพิจารณาพิพากษา ก็จะต้องเป็นไป
             ตามประเด็นที่ร้องขอให้ศาลวินิจฉัย จะวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดีก็ไม่ได้ แม้กระทั่ง

             ศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็มีการกำหนดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยในประเด็น
             ทุกประเด็นอย่างครบถ้วน เกินไม่ได้ และขาดไม่ได้ และห้า เมื่อรับวินิจฉัยคดีแล้ว เมื่อถึง
             ขั้นตอนการพิพากษา ศาลก็มีกรอบกำหนดว่าจะพิพากษาให้เกินคำขอไม่ได้ แม้ว่าในหลายกรณี



                 2   เพลินตา ตันรังสรรค์. ปาฐกถา เรื่อง “ศาลกับปัญหาตุลาการภิวัตน์”, สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565   สรุปการประชุมกลุ่มย่อยที่ 3
             จาก https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups/272/files/S%E0%B9%88ub_Jun/4seminar/
             s51%20jun_10_2.pdf
   184   185   186   187   188   189   190   191   192   193   194