Page 48 - kpiebook65021
P. 48
โครงการการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านสิทธิและการมีส่วนร่วมแก่ประชาชน: กรณีศึกษาการพัฒนานโยบายจากภาคประชาชน จังหวัดจันทบุรี
5. เปลี่ยนความคิดเห็นสู่การตัดสินใจ ท าให้เกิดการน าความรู้ใหม่และการร่วมกันไตร่ตรองอย่าง
รอบคอบอันน าไปสู่การตัดสินใจ
เราอาจกล่าวได้ว่า การปรึกษาหารือเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยแบบหนึ่งที่ท าให้ตัวแทน
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เข้ามาปรึกษาหารือกันในประเด็นที่แต่ละฝ่ายสนใจหรือเป็นเจ้าของร่วมกัน โดยยึดหลักว่า
ต้องเป็นการปรึกษาหารือที่พร้อมเปิดกว้างและยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งการปรึกษาหารืออาจ
ไม่จ าเป็นต้องมุ่งไปสู่การตัดสินใจให้ได้ในครั้งแรก ๆ อาจจะต้องจัดพื้นที่ปรึกษาหารือหลายครั้งในประเด็น
เดียวกัน เพื่อให้การตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจที่ทุกฝ่ายตกลงและยอมรับร่วมกันได้
หากกล่าวถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องซึ่งควรถูกน าเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของการปรึกษาหารือเพื่อ
พัฒนานโยบายสาธารณะนั้น อาจพิจารณาเป็นระดับของนโยบาย พื้นที่ หรือประเด็นของนโยบาย เพราะผู้มี
ส่วนได้ส่วนเสียย่อมหลากหลายไปตามบริบทที่แตกต่าง ในเชิงองค์กร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
(Stakeholders) อาจเป็นกลุ่มหรือบุคคลซึ่งมีผลหรือได้รับผลจากความส าเร็จขององค์กร ซึ่งองค์กรไม่เพียงแต่
ดูแลผลประโยชนตัวเองแต่ยังต้องดูแลผลประโยชน์ของตัวแสดงต่าง ๆ ในองค์กรด้วย แต่ในเชิงนโยบาย
สาธารณะ ตัวแสดงที่ที่อยู่สูงสุดจะเป็นผู้ที่ถูกเลือกตั้งเข้ามา คือรัฐบาลผู้ท านโยบาย (Government policy
makers) ขณะที่ตัวแสดงอื่นมีล าดับตามความส าคัญและผลกระทบต่อกระบวนการนโยบาย ได้แก่ หน่วยงานที่
ท านโยบาย (Other government departments) ตามมาด้วยผู้เชี่ยวชาญอิสระ บริษัท องค์กรพัฒนาเอกชน
และชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่พลเมืองและสังคมทั่วไปมักอยู่ชั้นล่างของกระบวนการพัฒนานโยบาย
เพราะว่ามีจ านวนตัวแสดงมาก (Karkin, 2011, pp.15-16)
ในมุมมองระดับประเทศ การพัฒนานโยบายสาธารณนะประกอบด้วยตัวแสดงที่หลากหลายทั้งตัว
แสดงที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ต่างเข้าร่วมในการพัฒนานโยบายทั้งแบบทางตรงและทางอ้อม ในฝั่ง
ภาครัฐ เช่น คณะรัฐมนตรีมีบทบาทเป็นผู้ตัดสินใจ ฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมายเพื่อให้นโยบายถูกน าไปปฏิบัติ
หน่วยงานรัฐที่เป็นหน่วยน านโยบายไปปฏิบัติอาจท าหน้าที่ในการเชื่อมประสานการจัดท านโยบาย ฯลฯ ในตัว
แสดงฝั่งที่ไม่ใช่รัฐ เช่น สื่อมวลชน พรรคการเมือง กลุ่มกดดัน ความคิดเห็นสาธารณะ ฯลฯ (Kaur, 2018, p.5)
ในการศึกษาครั้งนี้ เพื่อพัฒนาตัวแบบในการใช้สิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมพัฒนาข้อเสนอ
นโยบายระดับจังหวัด จากการทบทวนวรรณกรรมจ าเป็นที่ประชาชนต้องรับรู้และเข้าใจว่าตนมีสิทธิ
ในการพัฒนาข้อเสนอและความต้องการของตนต่อหน่วยงานของรัฐ การรู้สิทธินั้นอาจยังไม่เพียงพอให้
ประชาชนได้แสดงสิทธิ จึงจ าเป็นต้องมีพื้นที่และกระบวนการมีส่วนร่วมที่เหมาะสมกับประชาชนในแต่ละพื้นที่
ผ่านกระบวนการสร้างความเป็นหุ้นส่วน ที่ประชาชนร่วมมือกับภาครัฐและองค์กรวิชาการเพื่อพัฒนาข้อเสนอ
นโยบาย สุดท้ายแล้วจึงเกิดการส่งเสริมสิทธิของภาคประชาชนที่เกิดจากความร่วมมือและกระบวนการมีส่วนร่วม
ส าหรับกรอบแนวคิดการวิจัย โครงการการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านสิทธิและการมีส่วนร่วม
แก่ประชาชน: กรณีศึกษา การพัฒนานโยบายจากภาคประชาชน จังหวัดจันทบุรีนั้น เกิดขึ้นได้จากการมี
ส่วนร่วมจาก 3 ภาคส่วน ประกอบด้วย 1) ภาครัฐ หน่วยงานรัฐในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ส านักงานจังหวัดและ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีนโยบาย กฎหมาย ตลอดจนมุมมองและการสนับสนุนที่ส่งเสริมต่อสิทธิและ
23