Page 36 - kpiebook65019
P. 36
35
สิทธิของชุมชนที่จะฟ้องหน่วยรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ รัฐวิสำหกิจ
รำชกำรส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล เพื่อให้ปฏิบัติหน้ำที่
ตำมบทบัญญัตินี้ย่อมได้รับควำมคุ้มครอง” และโดยผลของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ดังกล่าวท�าให้เกิดการเคลื่อนไหวในทางสังคม
โดยใช้กระบวนการรัฐธรรมนูญนิยม (Constitutionalism) ในการผลักดันให้รัฐสภา
รัฐบาล และระบบราชการด�าเนินการจัดท�าพระราชบัญญัติ แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
กฎระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 รวมถึงชุมชนต่าง ๆ ลุกขึ้นมาใช้สิทธิของชุมชนในการด�าเนินการ
ต่าง ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิไว้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
และส�าหรับบทบัญญัติสิทธิชุมชนภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2560 เมื่อเปรียบเทียบกับบทบัญญัติที่เกี่ยวกับสิทธิชุมชนที่ปรากฎ
ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และ พุทธศักราช 2550
แล้วจะพบว่าบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิชุมชนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2560 มีกรอบเนื้อหาที่เป็นการวางหลักการส�าคัญของเนื้อหาสิทธิชุมชน
แต่ที่เป็นจุดเด่นคือการระบุให้ชุมชนมี “อ�ำนำจในกำรจัดกำร” ในระดับพื้นที่
กำรเสนอควำมเห็นต่อหน่วยงำนของรัฐ กำรจัดท�ำระบบสวัสดิกำรของชุมชน
รวมตลอดถึงกำรสร้ำงกลไกให้เกิดควำมร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในกำรใช้สิทธิต่ำง ๆ ของชุมชน 11
11 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
มาตรา 43 บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิ
(1) อนุรักษ์ ฟื้นฟู หรือส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณี
อันดีงามทั้งของท้องถิ่นและของชาติ
(2) จัดกำร บ�ำรุงรักษำ และใช้ประโยชน์จำกทรัพยำกรธรรมชำติ สิ่งแวดล้อม และ
ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอย่ำงสมดุลและยั่งยืนตำมวิธีกำรที่กฎหมำยบัญญัติ