Page 51 - kpiebook65017
P. 51
50 ประเด็นส�ำคัญที่พึงมีและควรแก้ไขตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2560 :
การคลังสาธารณะ
ฐานภาษีหรือเพิ่มอัตราภาษีโดยอ้างกรณีเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเป็นกรณีจ�าเป็น
เร่งด่วนโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไม่มีบทบัญญัติ
ที่รับรองหลักความชอบด้วยกฎหมายของภาษีไว้ จึงส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติ
ตามรัฐธรรมนูญโดยตรงเพื่อใช้ในการตรวจสอบ ศาลรัฐธรรมนูญท�าได้แต่เพียงการพิจารณา
วินิจฉัยประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากบทบัญญัติที่มีอยู่เท่านั้น ดังเช่นค�าวินิจฉัยของ
ศาลรัฐธรรมนูญที่ 14/2546 และที่ 32/2548 กรณีพระราชก�าหนดแก้ไขเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 และพระราชก�าหนดแก้ไขเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 กรณีดังกล่าวนอกจากจะเป็นการจ�ากัด
อ�านาจของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังเป็นการจ�ากัดอ�านาจของรัฐสภาอีกด้วย กล่าวคือ
ในการออกพระราชก�าหนดทางภาษี แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะก�าหนดให้คณะรัฐมนตรี
ต้องเสนอพระราชก�าหนดต่อรัฐสภาในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไปเพื่อให้รัฐสภาพิจารณา
โดยไม่ชักช้า แต่ในการอนุมัติพระราชก�าหนดทางภาษีของรัฐสภานั้น สภาผู้แทนราษฎร
และวุฒิสภาจะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหรือข้อความใด ๆ ได้เลย ท�าได้แต่เพียง
อนุมัติหรือไม่อนุมัติทั้งฉบับเท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างไปจากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
ที่สมาชิกรัฐสภาที่สามารถแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายได้ ซึ่งเป็นการควบคุม
ตรวจสอบเนื้อหาทางกฎหมายภาษีที่มีผลต่อสิทธิทางทรัพย์สินของผู้เสียภาษีได้ดีกว่า
การออกพระราชก�าหนดทางภาษี
ประการที่สอง คือ การไม่บัญญัติรับรองหลักความยินยอมทางภาษีในรัฐธรรมนูญ
ที่น�ามาสู่ปัญหาการออกกฎหมายล�าดับรองของฝ่ายบริหาร โดยอาศัยอ�านาจตาม
บทบัญญัติของกฎหมายแม่บททางภาษีโดยก�าหนดไว้อย่างหลวม ๆ ไม่ชัดเจนมา
บังคับจัดเก็บภาษีจากประชาชนในภายหลัง ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักความชัดเจนและ
แน่นอนซึ่งเป็นหลักภาษีอากรที่ดี เช่น พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558