Page 66 - kpiebook65015
P. 66
65
แบบที่เข้าใจกันอีกต่อไป เพราะพฤติกรรมของประชาชนคือจะรับเงินจากทุกคนที่ให้
54
แล้วจะเลือกพรรคหรือคนที่อยากเลือก ท�าให้เงินมีบทบาทน้อยลงไปเรื่อย ๆ
แต่ในคราวนี้เนื่องจากคะแนนเหลือเพียงคะแนนเดียว และเป็นคะแนนที่ทุกคะแนน
มีความหมาย ท�าให้แรงจูงใจกับผู้สมัครและพรรคการเมืองในการ “ใช้เงิน” เพิ่มขึ้น
มาอีกครั้ง ดังที่ปรากฏจากการเก็บข้อมูลผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562
ที่ตอบว่าเงินเป็นปัจจัยหลักต่อการตัดสินใจสูงถึง 9.15 % เมื่อเทียบกับการเก็บข้อมูล
55
ในการเลือกตั้งปี 2554 มีผู้ตอบว่าเงินเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเพียง 4.59 %
เท่านั้น โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้มีหัวคะแนนท�าหน้าที่รวบรวมรายชื่อไป “ขอเงิน”
ซึ่งเท่าที่เก็บข้อมูลได้อยู่ที่หัวละ 700-1,000 บาท โดยในหลายพื้นที่มีกรณีที่หัวคะแนน
จะหักเงินไว้ 100-200 บาท อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่คือ 55 % ตอบว่าเงินไม่มีผลต่อ
การตัดสินใจ คือรับเงินทุกคนที่ให้แล้วเลือกคนที่อยากเลือก ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้ตรงกัน
ทั้งในการท�าสนทนากลุ่มและจากหัวหน้าพรรคการเมือง แต่เมื่อเทียบกับการเลือกตั้ง
ปี 2554 ที่จ�านวนของคนที่ยืนยันว่าเงินไม่มีผลต่อการตัดสินใจสูงถึง 95.41 % จึงสรุป
ได้ว่าระบบเลือกตั้งนี้ท�าให้การซื้อเสียงกลับมาเป็นปัญหาในการเลือกตั้งระดับชาติ
อีกครั้ง
54 โปรดดู ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, การวิจัยเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง
ในการเลือกตั้ง ที่เก็บข้อมูลจากการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554, ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46.79 % ยอมรับว่า
รับเงินแต่ไม่เลือก และ 48.62 % ตอบว่าแม้ไม่ได้รับเงินก็เลือก โดยมีผู้ตอบว่าเลือกเพราะได้รับเงิน
เพียง 4.59 % เท่านั้น
55 เพิ่งอ้าง