Page 42 - kpiebook64011
P. 42

2.2 กรอบแนวคิดที่จะน ามาใช้อธิบายปรากฏการณ์ของการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด
               สมุทรปราการ ในปัจจุบัน


                       การศึกษาเรื่องของการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นของไทยนับจากอดีตสู่ปัจจุบัน มักจะให้ความส าคัญ
               เรื่อง “ระบบอุปถัมภ์” มาโดยตลอด หรือจะอธิบายง่าย ๆ ว่าพฤติกรรมการเลือกตั้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ

               “การเมืองท้องถิ่น” และการเมืองในท้องถิ่นนั้นอยู่ภายใต้ตรรกะและโครงสร้างของการเมืองอุปถัมภ์ หรือ
               สะท้อนให้เห็นถึงการเมืองของระบบอุปถัมภ์ในพื้นที่


                       การศึกษาในเรื่องของการเมืองระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยนั้น อาจประกอบด้วยแนวทางการศึกษา
               หลัก ๆ อยู่สามแนวทาง ได้แก่ แนวทางการศึกษาวัฒนธรรมระบบอุปถัมภ์ การศึกษาการเมืองของระบบ
               อุปถัมภ์กับการเลือกตั้งร่วมสมัย และการศึกษาจักรกลการเมือง


                       ก. แนวทางการศึกษาวัฒนธรรมระบบอุปถัมภ์: เป็นการศึกษาที่ให้ความส าคัญกับเรื่องของวัฒนธรรม
               และโครงสร้างทางสังคมที่มีผลต่อการเมือง กล่าวคือ ระบบอุปถัมภ์นั้นเป็นสถาบันทางสังคมที่มีผลทาง
               การเมือง และเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากอดีต และมักถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการทางการเมือง

               (political development) หรือความเป็นสมัยใหม่ทางการเมือง (political modernity) เพราะเป็นสิ่งที่
               ตกค้างมาจากอดีต และยังคงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของคนในปัจจุบัน


                       แนวคิดเรื่องวัฒนธรรมระบบอุปถัมภ์เป็นเรื่องของการอธิบายว่าระบบวัฒนธรรมและสังคมมีอิทธิพล
               ทางการเมือง ระบบอุปถัมภ์เป็นความสัมพันธ์ที่แลกเปลี่ยนกัน แต่ไม่เท่าเทียมกัน แบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือผู้
               อุปถัมภ์ (patron) และผู้ใต้อุปถัมภ์ (client) โดยแลกเปลี่ยนความภักดี (จากผู้ใต้อุปถัมภ์) กับการคุ้มครองของ

               ผู้อุปถัมภ์ สิ่งนี้เป็นลักษณะเด่นของสังคมไทยมาตั้งแต่ยุคการเมืองก่อนสมัยใหม่ อาทิปรากฏในโครงสร้าง
               กฎหมายและระบบบริหารราชการแผ่นดินในอยุธยาในระบบศักดินา (มูลนายและไพร่ทาส) (อาคม พัฒิยะ
               และนิธิ เอียวศรีวงศ์, 2527) เรื่อยมาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ดังที่ปรากฏในกฎหมายตราสามดวง (อคิน รพีพัฒน์,
               2521) และแม้ว่าโครงสร้างที่เป็นทางการได้หายไปจากกฎหมายและระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแล้ว
               ระบบอุปถัมภ์ยังปรากฏตัวอยู่ในชุมชนเมืองในรูปแบบของ “ระบบลูกพี่ (ลูกน้อง)” (อคิน รพีพัฒน์, 2537;

               และดูภาพรวมของค าอธิบายเรื่องระบบอุปถัมภ์ได้ใน อมรา พงศาพิชญ์ และปรีชา คุวินทร์พันธุ์ (บก.), 2539)

                       ประเด็นท้าทายต่อการศึกษาในแนวทางวัฒนธรรมระบบอุปถัมภ์ที่ผ่านมาก็คือ การศึกษาเรื่องของ

               การเมืองเป็นเสมือนตัวแปรตามของระบบอุปถัมภ์ กล่าวคือมองว่าระบบอุปถัมภ์นั้นท างานเป็นหลัก (สมเกียรติ
               วันทะนะ และคณะ, 2524) และไม่สามารถอธิบายได้ว่าระบบอุปถัมภ์เปลี่ยนแปลงอย่างไร (ดู นิธิ เอียวศรีวงศ์,
               2534) และไม่ได้มีความละเอียดลึกซึ้งกับระบบอุปถัมภ์สมัยใหม่ว่าแตกต่างจากระบบอุปถัมภ์สมัยก่อนอย่างไร

               โดยเฉพาะในเรื่องของการเลือกตั้ง กล่าวอีกอย่างก็คือ การเลือกตั้งในท้องถิ่นนั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบ
               อุปถัมภ์ ไม่ได้ถูกอธิบายออกมาเป็นพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากแนวทางการศึกษาการศึกษาการเมืองของระบบ
               อุปถัมภ์ ซึ่งเป็นการศึกษาการเมืองท้องถิ่นและความเชื่อมโยงกับระบบอุปถัมภ์สมัยใหม่ และให้ความสนใจเป็น
               พิเศษกับกระบวนการเลือกตั้งอย่างจริงจัง รวมทั้งให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของระบบอุปถัมภ์ใน

               การเมืองในระดับท้องถิ่นและในระดับชาติ

                       ข. แนวทางการศึกษาการเมืองของระบบอุปถัมภ์กับการเลือกตั้งร่วมสมัย: แนวทางการศึกษาเรื่อง

               การเมืองของระบบอุปถัมภ์ให้ความส าคัญกับความเชื่อมโยงของระบบอุปถัมภ์กับการเลือกตั้งสมัยใหม่ โดย




                          โครงการศึกษาการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ปี 2563: การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ   24
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47