Page 43 - kpiebook63031
P. 43

การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562
           42       จังหวัดอุบลราชธานี







             ที่จะมีอำานาจเหนือพวกพ้อง บางคนอาจจะไม่มีชื่อเสียงใดเลย แต่มีอำานาจต่างๆ อยู่ในมือ วิธีการแบบนี้

             แสดงให้เห็นถึงผลของความต้องการมีสถานภาพในวิธีที่ต่างกันออกไป

                      ฐานะหรือตำาแหน่ง เป็นจุดมุ่งหมายทุติยภูมิที่มีเพื่อตอบสนองแรงจูงใจขั้นมูลฐาน คนที่มี

             สถานภาพอย่างหนึ่งสามารถจะคาดหวังได้ว่าจะทำาเงินได้ขนาดหนึ่ง มีชีวิตได้แบบหนึ่ง และได้รับ

             การปฏิบัติจากบุคคลอื่นอย่างหนึ่ง ดังนั้น สถานภาพสามารถประกันให้เราได้ไม่มากก็น้อยว่าบุคคลอาจ
             ตอบสนองความต้องการอื่นๆ ได้ขนาดหนึ่ง และนอกจากนี้ มันยังช่วยให้คนไม่ต้องกลัวว่าเขาจะต้อง
             สูญเสียความพอใจบางอย่างที่ไปด้วยกันกับสถานภาพ


                      ดังนั้น หากจะกล่าวถึงอำานาจของมนุษย์ ซึ่งจะแสดงออกโดยพฤติกรรมนั้น จะต้องมีแรงจูงใจ

             ที่เป็นพื้นฐานเพื่อสนองตอบความต้องการ (need) ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจจากภายนอกหรือ

             ภายในของแต่ละบุคคล เพื่อตอบสนองความต้องการอำานาจ ไม่ว่าเพื่อจะเป็นเจ้าของทรัพยากร เพื่อรักษา
             ผลประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อการแสวงหาเกียรติยศ ชื่อเสียง การสืบทอดทายาททางการเมือง ก็ถือ
             เป็นอีกสาเหตุหนึ่งในแรงจูงใจ ที่ต้องการอำานาจในการสานต่อ ขยาย และปกป้องรักษาผลประโยชน์ของ

             ตน ด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อให้มีส่วนในกิจกรรมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล

             การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะมีความสนใจในการเมือง จนกระทั่งตัดสินใจเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วย
             การลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเรียนรู้ทางการเมืองจากครอบครัว ถือเป็น
             ส่วนสำาคัญประการหนึ่ง (ธวัชชัย กฤติยาภิชาตกุล, 2541, น. 24)





             3. แนวคิดระบบอุปถัมภ์




                      แนวคิดเรื่องระบบอุปถัมภ์เป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้นำามาใช้เพื่ออธิบายโครงสร้างสังคมไทย
             นำาโดย ลูเซียน เอ็ม แฮงส์ (Lucian M. Hanks) ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ ร่วมด้วยนักวิชาการโดยเฉพาะจาก

             สำานักคอร์แนลล์ เช่น เดวิด วิลสัน (David Wilson) และนักวิชาการท่านอื่นๆ มองจากแง่มุมหนึ่ง แนวคิดนี้
             ได้ชี้ให้เห็นความจริงข้อหนึ่งว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่มีการกำาหนดสถานภาพของบุคคลลดหลั่นจากบน

             มาสู่ล่าง นั่นคือ สังคมไทยเป็นสังคมที่มีโครงสร้างที่เน้นความแตกต่างระหว่างฐานะตำาแหน่ง ซึ่งได้แก่
             ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อุปถัมภ์ที่มีฐานะตำาแหน่งสูงกว่าและผู้รับอุปถัมภ์ที่มีฐานะตำ่ากว่า แฮงค์มองว่า

             โครงสร้างสังคมไทยประกอบด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกัน หรือเป็นความสัมพันธ์ในแนวดิ่งโดย
             ตลอดทั้งสังคม อย่างไรก็ตาม แนวคิดของแฮงส์ได้รับการโต้แย้งว่า แนวคิดระบบอุปถัมภ์เป็นแนวคิดที่

             เหมาะสำาหรับการวิเคราะห์สังคมในระดับจุลภาค แต่ไม่สามารถอธิบายสังคมไทยได้ทั้งหมด กระแสต้าน
             ได้ออกมาในรูปของการเสนอแนวคิดในเรื่องของการจัดชั้นทางสังคม (social class) ซึ่งถือว่าสามารถ

             อธิบายโครงสร้างสังคมได้ดีกว่า นักวิชาการกลุ่มนี้ ได้แก่ ฮันส์ ดีเตอร์ เอเวอส์ (Hans-Dieter Evers)
             แอนดรู เตอร์ดัน(Andrew Turton) รวมไปถึงนักวิชาการกลุ่มเศรษฐศาสตร์การเมืองด้วย
   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48