Page 51 - kpiebook63021
P. 51

จากผลการสำรวจการพัฒนาเมืองอัจฉริยะข้างต้นนี้ ได้ชี้ให้เห นความสัมพัน ์ระหว่างภูมิภาคกับ
                     การพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างมีนัยสำคั  พบว่า ภาคตะวันออกและภาคกลางมีความพร้อมในการพัฒนา
            รายงานสถานการณ์   เมืองอัจฉริยะโดดเด่นมากกว่าภูมิภาคอื่น อีกทั้งเมื่อพิจารณามิติการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในทุกภูมิภาค


                     จะพบว่า มิติเมืองอัจฉริยะด้านการบริหารจัดการภาครัฐมีความโดดเด่นมากกว่ามิติอื่น  ขณะที่ในทาง
                     ตรงกันข้ามพบว่า มิติเมืองอัจฉริยะด้านการคมนาคม ด้านพลังงาน และด้านการศ กษา กลับเป นมิติ

                     การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในแต่ละภูมิภาคที่มีความโดดเด่นอยู่ลำดับท้าย  ของการพัฒนา

                       4.2 ข้อสังเกตการพัฒนาเม องอัจฉริยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น


            ส่วนท ่   บทสำรวจว่า ้วยการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
                            ปัจจุบันนี้ทิศทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย มีความพร้อม
                     ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ โดยมีช่วงคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 40.44 อีกทั้งยังพบว่า

                     การพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านการบริหารจัดการภาครัฐ  S a t          t  ขององค์กรปกครอง
                     ส่วนท้องถิ่นนั้น เป นมิติการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มีความโดดเด่นมากที่สุด โดยมีความพร้อมอยู่ในระดับ

                     ปานกลางค่อนข้างสูง มีช่วงคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 58.05 ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มี
                     ความพร้อมรองลงมา หรือกล่าวคือ มีความพร้อมของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอยู่ในระดับปานกลางนั้นมีอยู่
                     3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ เมืองอัจฉริยะด้านคุณภาพชีวิตสังคมและชุมชน  S a t  i i   , เมืองอัจฉริยะ

                     ด้านเศรษฐกิจ  S a t  c      , และเมืองอัจฉริยะด้านสุขภาพ  S a t   a thca    โดยทั้ง 3 ด้านนี้
                     มีช่วงคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 54.83, 46.54 และ 46.46 ตามลำดับ

                            ในทางตรงกันข้ามผลสำรวจก ได้ชี้ให้เห นว่า มิติการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มีความโดดเด่นน้อยที่สุด

                     หรือมีความพร้อมอยู่ในระดับน้อยนั้นมี 2 ด้าน ได้แก่ เมืองอัจฉริยะด้านคมนาคม  S a t    i it
                     มีค่าคะแนนเฉลี่ยต่ำสุด อยู่ที่ร้อยละ 25.02 และเมืองอัจฉริยะด้านการศ กษา  S a t    cati

                     มีค่าคะแนนเฉลี่ยที่ต่ำรองลงมา อยู่ที่ร้อยละ 27.56 ตามลำดับ

                            สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห นว่า มิติการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมีความสอดคล้องกับภารกิจอำนาจหน้าที่

                     ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกล่าวให้เข้าใจได้ง่ายก คือ มิติการพัฒนาเมืองอัจฉริยะใดที่องค์กร
                     ปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการอยู่เป นประจำ อันเป นภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคุ้นชิน ก จะมี
                     ระดับความพร้อมมาก ดังเช่น การบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการพัฒนาเศรษฐกิจ

                     ชุมชน ล้วนเป นภารกิจและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะต้องดำเนินการเป นประจำ
                     เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและคุณภาพชีวิตของประชาชน ขณะที่ภารกิจด้านการคมนาคมและด้านพลังงานนั้น

                     ส่วนให ่มักเป นภารกิจอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานส่วนกลางในการดำเนินการ ซ ่งเกี่ยวข้องกับองค์กร
                     ปกครองส่วนท้องถิ่นน้อยมาก อีกทั้งเมื่อเราย้อนกลับไปดูนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจากรัฐส่วนกลาง
                     ที่ลงมาสู่ระดับท้องถิ่นแล้วนั้นกลับยิ่งพบว่า รัฐมีนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะลงมาสู่ระดับท้องถิ่น

                     น้อยมาก ไม่มีรายละเอียดในเชิงนโยบายที่ชัดเจน ทำให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในระดับท้องถิ่นไทยมีระดับ
                     ความพร้อมในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ












                      สถาบันพระปกเก ้า
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56