Page 161 - kpiebook63019
P. 161

156






               (ค่าเฉลี่ย = 3.01, S.D. = 1.09) โดยจากการประชุมกลุ่ม เห็นว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีจิตสำนึกรับผิดชอบ

               ต่อประชาชนทั้งประเทศ โดยดูจากผลงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการตรากฎหมายที่มีจำนวนมากและ
               เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นต้น แต่เนื่องจากการได้มาของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาจากการแต่งตั้ง

               ทำให้ขาดความเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกกับประชาชนในพื้นที่ แม้จะมีโครงการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
               พบประชาชน แต่มีลักษณะทำให้เกิดขึ้นมากกว่าจะเน้นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ความเห็นนี้
               แตกต่างจากกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิที่เห็นว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีความสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน แต่ก็อยู่

               ภายใต้การครอบงำต่อฝ่ายบริหารซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากกว่า รองลงมา คือ ด้านการพัฒนาการเรียนรู้
               และเสริมสร้างขีดความสามารถของสมาชิกรัฐสภา มีการดำเนินงานอยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย = 2.76,

               S.D. = 1.05) โดยกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างสมรรถนะและขีดความสามารถ
               ของสมาชิกรัฐสภาในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตน แต่เห็นว่าแผนงานและโครงการพัฒนา
               สมรรถนะของสมาชิกรัฐสภายังอยู่มีน้อยมากและไม่ต่อเนื่อง และมีข้อจำกัดจากลักษณะการทำงาน

               ที่ไม่สามารถจัดการพัฒนาความรู้ควบคู่ไปด้วยได้ ทั้งนี้ที่ประชุมกลุ่มเห็นว่าเห็นว่าควรจัดให้มีกระบวนการ
               พัฒนาสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่ต้องประเมินประสิทธิภาพของผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ

               ให้ความเห็นว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการจัดกิจกรรมหรือโครงการพัฒนาการเรียนรู้ของสมาชิก
               สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ  ในขณะที่บางท่านกล่าวว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
               ไม่มีการพัฒนาการเรียนรู้ให้แก่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  การดูงานเป็นการดูงานที่ไม่ได้ให้ความรู้

               ส่วนด้านการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐสภามีการดำเนินงานอยู่ในระดับปานกลาง
               (ค่าเฉลี่ย = 2.52, S.D. = 0.93) จากการประชุมกลุ่มเห็นว่า แม้จะมีข้อมูลพื้นฐานเพื่อแสดงถึงการทำงาน

               ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแต่ละท่าน เช่น สถิติการเข้าประชุมสภา สถิติการเข้าประชุมคณะกรรมาธิการ
               สถิติการอภิปราย และวาระการประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะกรรมาธิการ แต่ประชาชน
               ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ทำให้ในที่สุดเห็นว่าผลการดำเนินงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทน

               โดยส่วนผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีทั้งเงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม ค่าเบี้ย
               ประชุม และยังมีเงินเดือนประจำอีกในเวลาเดียวกัน ซึ่งน่าจะจัดว่าเป็นการทำงานซ้ำซ้อน ยิ่งไปกว่านี้สมาชิก

               สภานิติบัญญัติแห่งชาติยังได้รับความสนับสนุนด้านบุคลากร ด้วยการให้ค่าตอบแทนแก่บุคคลเพื่อเข้ามาช่วย
               ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย และสุดท้ายด้านระบบการรายงาน
               ตรวจสอบ และลงโทษสมาชิกรัฐสภา กรณีมีพฤติกรรมผิดจริยธรรมหรือเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน

               มีคะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุด โดยมีการดำเนินงานอยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย = 2.48, S.D. = 1.07) ทั้งนี้
               จากทั้งการประชุมกลุ่มและผู้ทรงคุณวุฒิต่างเห็นว่ารัฐสภาจัดให้มีระบบการรายงาน ตรวจสอบ และลงโทษอยู่

               แต่ขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรณีสมาชิกขาดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งแม้จะมี
               ความพยายามดำเนินการแก้ไขเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ผลยังไม่เป็นที่ทราบในวงกว้าง ประชาชนยังคงติดภาพของ
               กระบวนการตรวจสอบที่มีปัญหาหาอยู่ นั้น นอกจากนี้ผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้ความเห็นว่าการจัดการเพื่อให้สมาชิก

               สภานิติบัญญัติแห่งชาติรายงานการทำหน้าที่ต่อประชาชน ยังไม่เป็นระบบ ทำให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย
               ต่อประชาชน และสำหรับประเด็น “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ผู้ทรงคุณวุฒิเชื่อว่า น่าจะมีเบื้องหลัง อาทิ กรณี

               การขึ้นเงินเดือน ผลประโยชน์ตอบแทน และอื่น ๆ ให้แก่หน่วยงานที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเคยดำรง
               ตำแหน่งหรือยังปฏิบัติหน้าที่อยู่






            การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐสภาไทย (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) โดยใช้เกณฑ์และตัวชี้วัดของ Inter-Parliamentary Union (IPU)
   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166