Page 23 - kpiebook63013
P. 23
23
1.3) การใช้ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง การกำาหนดเขตในการเลือกตั้งโดยรูปแบบนี้ ประชากรใน
เขตเลือกตั้งก็คือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศ ทำาให้ความแตกต่างหลากหลายของประชากร
มีสูงอย่างมาก ความใกล้ชิดคุ้นเคยกับประชาชนและการรับรู้สภาพปัญหาจริงในแต่ละพื้นที่ก็มีน้อยมาก
การสื่อสารระหว่างผู้สมัครกับประชาชนทำาได้ยากอย่างยิ่ง การแบ่งเขตเลือกตั้งในลักษณะนี้มีวัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้สมัครเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ ผู้ที่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งจึงต้องเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงหรือ
ผลงานเป็นที่รู้จักผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อที่จะทำาให้ประชาชนจากทั่วประเทศลงคะแนนเสียงให้ ข้อดีประการหนี่งของ
การใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้งคือการซื้อเสียงแทบจะกระทำาไม่ได้เลยเพราะมีจำานวนประชากรที่มีสิทธิเลือกตั้ง
ทั้งประเทศ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้กับผู้สมัครที่มีคุณภาพได้รับเลือกด้วย เพราะผู้สมัครที่แม้จะมีความรู้
ความสามารถโดดเด่นหรือเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ แต่หากต้องไปแข่งขันในเขตเลือกตั้งที่เล็ก อาจจะแข่งขัน
กับผู้สมัครคนอื่นไม่ได้ เพราะไม่มีการสร้างฐานเสียง ทุนทรัพย์ อิทธิพล หรือเครือข่ายหัวคะแนนในพื้นที่นั้น ๆ
แต่หากใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้งผู้สมัครคนนั้นก็มีโอกาสที่จะได้รับเลือกมากกว่า ทว่าข้อเสียของการใช้ประเทศ
เป็นเขตเลือกตั้งคือผู้สมัครที่ได้รับเลือกนั้นอาจจะไม่ได้เป็นตัวแทนของใครหรือกลุ่มใดในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งจริง ๆ
ฉะนั้น การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ของเขาอาจไม่ได้คำานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นการเฉพาะ
แต่จะพิจารณาไปที่ภาพรวมของทั้งประเทศมากกว่า
2) จ�ำนวนผู้แทนที่มีได้ในเขตเลือกตั้ง
จำานวนผู้แทนที่มีได้ในเขตเลือกตั้งสามารถจัดอยู่ใน 2 ลักษณะคือ ให้เขตเลือกตั้งหนึ่ง ๆ สามารถมีผู้แทน
ได้เพียงคนเดียว และ ให้เขตเลือกตั้งหนึ่ง ๆ สามารถมีจำานวนผู้แทนได้มากกว่า 1 คน ซึ่งอธิบายรายละเอียดได้ดังนี้
ในกรณีที่เขตเลือกตั้งหนึ่ง ๆ มีจำานวนผู้แทนได้เพียง 1 คน นอกจากเรื่องการแข่งขันระหว่างผู้สมัคร
ที่ต้องมีสูงมากแล้ว (จนบางครั้งนำาไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยก แบ่งเป็นฝักฝ่ายต่าง ๆ ) การตัดสินใจของประชาชน
ก็จะทำาได้ยาก และผู้สมัครที่ได้รับการเลือกก็อาจไม่สามารถเป็นตัวแทนคนทั้งหมดได้จริง (เพราะต้องตัดคะแนน
เสียงของประชาชนที่เลือกผู้สมัครที่ได้คะแนนเป็นลำาดับรองลงมาทิ้งไป) ดังนั้น พรรคการเมืองเดิมหรือผู้สมัคร
ที่มีฐานเสียงเดิมจะกุมความได้เปรียบมากกว่า (โดยเฉพาะหากใช้ระบบเสียงข้างมากอย่างง่ายในการตัดสินผู้ชนะ)
ส่วนกรณีเขตเลือกตั้งหนึ่ง ๆ มีจำานวนผู้แทนได้มากกว่า 1 คน ย่อมจะทำาให้การแข่งขันระหว่างผู้สมัคร
ไม่สูงมาก (ลดความขัดแย้ง ความแตกแยกในพื้นที่ลง) ขณะที่ประชาชนก็สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น
สามารถเลือกพรรคที่ต้องการและยังสามารถลงคะแนนให้กับบุคคลที่อาจจะไม่ได้สังกัดพรรคดังกล่าวก็ได้
นอกจากนี้ การมีจำานวนผู้แทนได้มากกว่า 1 คน ยังเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคใหม่ ๆ หรือผู้สมัครหน้าใหม่
มีโอกาสได้รับเลือกตั้งง่ายกว่า อีกทั้งผู้แทนซึ่งมีจำานวนมากนั้นสามารถเป็นตัวแทนของคนทั้งหมดได้ดีกว่า
การมีผู้แทนเพียงคนเดียว แต่ข้อเสียคืออาจจะทำาให้จำานวนสมาชิกสภามีมากเกินไปและนำาไปสู่การจัดตั้ง
รัฐบาลผสมที่ขาดเสถียรภาพ (เพราะมีพรรคการเมืองและสมาชิกสภาเป็นจำานวนมาก)