Page 81 - kpiebook63011
P. 81
81
แต่ต้องทำาการตัดสินใจลงคะแนนโดยต้องเลือกจากการพิจารณาองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ การพิจารณาผู้สมัครเขต
พรรคการเมือง และชื่อของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคการเมือง การหย่อนบัตร 1 ใบ โดยมี
สมการที่มาจากองค์ประกอบ 3 ส่วนต้องลงตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อประชาชนเกิดความลังเลต่อการลงคะแนน
เสียงของตน ซึ่งทำาให้ประชาชนหรือผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งต้องเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งข้อมูลที่ได้
มีความน่าสนใจที่ประชาชนจะใช้เหตุผลที่ดีที่สุดจากประสบการณ์ในอดีตมาเป็นตัวกำาหนด นั่นทำาให้ทางเลือกแรก
ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คือ เลือกจากพรรคและนโยบายพรรค และอีกทางหนึ่งคือ เลือกจากบทบาทของผู้นำา
ที่มีการเปรียบเทียบระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้คะแนนเสียงที่ได้มีการเลือกจะไม่สะท้อนความต้องการ
ที่แท้จริงของประชาชนว่า ความเป็นตัวแทนที่ประชาชนเลือกแท้ที่จริงแล้วมาจากการตัดสินใจทางเลือกไหน
บทสัมภาษณ์บางส่วนจากการพูดคุยกลุ่มกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2, 3 และ 4 ในเดือนมีนาคม 2562
“เราชอบนโยบายของพรรคเขา แต่ไม่ชอบคนที่มาลง ส.ส.บ้านเรา ส่วนนายกฯ นี่ก็ไม่รู้มันก็เป็นมาแบบนี้
ตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้จะเลือกจากอะไรก็ยังไม่รู้”
“ก็คงเลือกจากพรรคเป็นหลัก เพราะเคยเลือกแบบนั้นแล้วคิดว่าดี ส่วน ส.ส.ในเขต ถ้าพรรคดี
ส.ส.ก็ท�างานตามพรรคและนโยบายพรรคอยู่แล้ว ส่วนคนที่เป็นนายกพรรคก็คงคิดมาให้แล้ว”
“มันก็ไม่ง่ายแต่ถ้าให้เลือกจะลงคะแนนโดยดูจากคนที่พรรคจะให้เป็นนายกเลย พอเห็นพรรคเสนอชื่อมา
ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเลือกพรรคไหน...นโยบายจะได้ต่อเนื่อง ชอบให้ประเทศมีความมั่นคง”
ข้อสังเกตจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งคือ ความแตกต่างของความคิดเห็น
ความกล้าแสดงออกในความคิดเห็นระหว่างก่อนวันเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 กับการเก็บข้อมูลหลังการประกาศ
ผลการเลือกตั้งไปแล้ว ในช่วงก่อนวันเลือกตั้งประชาชนส่วนใหญ่ไม่ให้ข้อมูลเชิงลึกและพยายามพูดในเชิงสัญลักษณ์
ข้อความให้นักวิจัยตีความมากกว่าการกล่าวถึงหรือเอ่ยชื่อออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งบรรยากาศแวดล้อมในช่วง
ระหว่างการลงพื้นที่เก็บข้อมูลทำาให้เห็นถึงบริบททางการเมืองที่ยังปกคลุมไปด้วยความขัดแย้งและความ
หวาดระแวงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองทั้งหลาย และยังเป็นพื้นที่
ที่เฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่รัฐ อันสืบเนื่องมาจากเครือข่ายทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่กระจายทั่วพื้นที่ และ
ในอดีตเคยมีเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงที่รุนแรงกรณีของคนเสื้อแดงในพื้นที่
เมื่อประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกับระบบการเลือกตั้งเดิมคือ ระบบผสม
แบบสัดส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้คำาขวัญที่ว่า “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ” ซึ่งใช้รณรงค์ให้
ความรู้กับประชาชนมาตั้งแต่หลังปี 2540 กว่า 20 ปี ด้วยระบบที่ประชาชนเรียนรู้การลงคะแนนที่แยกพิจารณา
ระหว่างพรรคการเมืองกับผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้ง ประกอบกับบริบททางการเมืองภายหลังรัฐธรรมนูญ 2540
ที่เปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมมาก ระบบการเลือกตั้งแบบระบบผสมแบบสัดส่วนนี้ได้สร้างความเข้มแข็งและ
ความโดดเด่นให้แก่พรรคการเมืองมาก การศึกษาของเวียงรัฐ เนติโพธิ์ (2558, น.38) ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง
ของกติกาการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ส่งผลให้พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง
ได้ที่นั่ง ส.ส.มากเกือบครึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งหมดในรัฐสภา นอกจากนี้ยังพบว่า นโยบายของพรรคไทยรักไทย