Page 84 - kpiebook63011
P. 84
84 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่
รูปแบบที่ปรากฎในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งอีกประการที่มาพร้อม ๆ กับการเติบโตของสื่อออนไลน์คือ
เมื่อพรรคการเมืองใดไม่สามารถฝ่ากระแสความนิยมต่อพรรคอื่น การสร้างกระแส มายาคติ และข่าวปลอมจึงกลายเป็น
ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ของพื้นที่การเมืองภาคเหนือ “…หากเพิ่มคะแนนเสียงไม่ได้ ก็ต้องท�าให้คะแนนคู่ต่อสู้
ไม่เพิ่มขึ้น…” (สัมภาษณ์แกนนำาพรรคการเมือง 5 มีนาคม 2562) ปรากฏการณ์การสร้างมายาคติ “การเลือกตั้ง
จัดตั้ง” คือ ข้อความของผู้สมัครรับเลือกตั้งและหัวคะแนนใช้ในการจุดประเด็นต่อสู้ในพื้นที่ ซึ่งมีผลทำาให้
ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมีความวิตก หวาดระแวงกับการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จึงเป็น
ที่มาของการหาเสียงและสร้างกลยุทธ์การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ต้องแชร์คะแนนเสียง ประชาชนให้ข้อมูลว่า
พวกเขาชอบพรรคการเมืองหนึ่งแต่จะลงคะแนนให้อีกพรรคหนึ่งเพื่อให้พรรคที่ชอบได้ที่นั่งในบัญชีรายชื่อ แม้แต่
ข้อมูลที่ได้จากประชาชนที่เชื่อว่า “เลือกพรรค (...) นี้ไป เพราะเค้าบอกว่าคนนี้จะไปช่วยหัวหน้าพรรค (...)
อีกพรรคหนึ่งได้” ความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่รอบนอกตัวเมือง เป็นความเข้าใจจากกระแสการเมือง
ทั้งจากสื่อ การหาเสียง การบอกเล่า แม้แต่กระทั่งผู้นำาชุมชน โดยข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์
พรรคแทบทั้งสิ้น ไม่ใช่ข้อมูลในเรื่องของความรู้กฎเกณฑ์เกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งหรือข้อมูลพรรคการเมือง
อย่างเป็นทางการ
จากข้อมูลที่ได้มีการสำารวจในพื้นที่เชียงใหม่พบว่า การมีบัตรเลือกตั้ง 1 ใบทำาให้ผู้ลงคะแนนเสียง
เลือกตั้งครุ่นคิดกับคะแนนเสียงของตัวเองมากขึ้น เพราะน้อยมากที่จะพบว่ามีใครที่มีสมการการลงคะแนนออกมา
ได้ลงตัวครบสิ่งที่ชอบทั้ง 3 ประเด็นคือ ผู้สมัคร พรรคการเมือง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากข้อมูลพบว่า
ผู้มีสิทธิลงคะแนนส่วนมากตัดสินใจเลือกจากพรรคการเมือง ซึ่งนำาไปสู่การมองนโยบายและผู้นำาพรรคเป็นหลัก
ระบบการเลือกตั้งนี้แม้จะไม่ได้ทำาให้เกิดพรรคใหญ่แต่ตอกยำ้าความผูกพันของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองมากขึ้น
แผนภาพ 4.3 แผนภาพแสดงสัดส่วนของคะแนนการเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุด
3 อันดับแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562
77,607 (7.1%) 377,292 (34.7%)
173,229 (15.9%) (ถ้าปรับคะแนนเลือกตั้งใหม่ = 29.9%)
254,097 (23.4%)
(ถ้าปรับคะแนนเลือกตั้งใหม่ = 27.7%
204,080 (18.8%)
(ถ้าปรับคะแนนตามเลือกตั้งใหม่ = 15.2%)
พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคอื่นๆ บัตรเสียและไม่ประสงค์ลงคะแนน
ที่มา จากการประมวลผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและจัดทำแผนภาพโดยผู้วิจัย
ที่มา จากการประมวลผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและจัดทำาแผนภาพโดยผู้วิจัย
จากแผนภาพจะเห็นว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด 1,086,305 คน ในวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม
2562 ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มคะแนนที่เลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ที่เป็น
กลุ่มพันธมิตรทางการเมือง คะแนนรวมของทั้ง 2 พรรคการเมืองหากมารวมกันจะมีคะแนนมากกว่า 50%
ของจำนวนผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากระบบการเลือกตั้งที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบ
เดียวนั้นทำให้การคำนวณคะแนนของเขตเลือกตั้งมีผลกับที่นั่งที่จะได้จากระบบบัญชีรายชื่อ แต่ในอีกด้านก็
เป็นการเกลี่ยคะแนนของฐานคะแนนพรรคเพื่อไทยไปสู่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งความน่าสนใจของคะแนนที่
ปรากฏให้เห็นนั้นไม่ใช่เงื่อนไขดังเช่นจังหวัดอื่น ๆ ที่เคยมีผู้สมัครจากพรรคไทยรักษาชาติ แต่เมื่อพรรคไทย
รักษาชาติโดนยุบ พรรคอนาคตใหม่จึงเป็นพรรคที่ได้เปรียบในการได้รับคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่
ต้องการลงคะแนนให้พรรคไทยรักษาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ไม่มีการเปิดตัวผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ
ดังนั้น การทำงานของกลุ่มพรรคการเมืองจึงถือเป็นยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้ง เพื่อกันคะแนนไปให้แก่พรรค
การเมืองที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม คือ พรรคพลังประชารัฐ ด้วยระบบการเลือกตั้งที่นำมาสู่จำนวนพรรค
การเมืองที่มีจำนวนผู้สมัครมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้คะแนนทุก
คะแนนมีค่าและกระจายไปยังพรรคการเมืองต่าง ๆ แม้พรรคพลังประชารัฐในทางพฤตินัยจะเป็นพรรค
ฝ่ายรัฐบาลในช่วงเวลาของการจัดการเลือกตั้ง แต่สัดส่วนคะแนนที่ได้ในจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้สูงมากนัก
เพราะสัดส่วนคะแนนที่พรรคนี้ได้มีความใกล้เคียงกับคะแนนที่พรรคการเมืองอื่น ๆ รวมกันได้ (ยกเว้น
พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่รวมกันได้รับ) โดยเฉพาะหากดูอันดับของคะแนนในแต่ละเขตเลือกตั้ง
60