Page 121 - kpiebook63011
P. 121
121
5.4.1 ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกับกำรเลือกในระบบจัดสรร
ปันส่วนผสม
ประชาชนจำานวนมากยังขาดความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งจัดสรร
ปันส่วนผสม โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยนอกเขตเมือง หากมองพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตั้ง
อำาเภอเมืองถูกกำาหนดให้เป็นเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นเขตที่มีบัตรเสียน้อยที่สุดและกาไม่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
(No Vote) มากที่สุดจากทั้ง 9 เขต (ข้อมูลจากแผนภาพ 4.2 หน้า 70) พบว่าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำานวน
มาก โดยเฉพาะเขตอำาเภอรอบนอกยังมีความเข้าใจว่าบัตรเลือกตั้งมี 2 ใบ และมีความสับสนหมายเลขของผู้สมัคร
รับเลือกตั้ง ที่จะได้คนละหมายเลขแม้จะมาจากพรรคเดียวกันแต่อยู่คนละเขตเลือกตั้ง ความไม่รู้และไม่เข้าใจ
สาระเกี่ยวกับการเลือกตั้งสะท้อนปัญหาของการเผยแพร่ข้อมูลทั้งจากหน่วยงานราชการและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
เพราะในอีกด้านหนึ่งความไม่รู้ของประชาชนกลายเป็นโอกาสให้กับการแทรกซึมของข่าวเท็จ ข้อมูลที่ผิดพลาด
หรือวิธีการลงคะแนนเสียงที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองบางพรรคได้ จากข้อมูล
ในพื้นที่พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการลงคะแนนเสียงจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง หัวคะแนน และ
ผู้นำาชุมชน ประเด็นหนึ่งที่พบเจอในเขตเลือกตั้งรอบนอก คือ การลงคะแนนเสียงเชิงยุทธศาสตร์ที่ประชาชน
ได้รับข้อมูลจากหัวคะแนน เช่น การลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นำาอดีตนายกฯ
ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน และการโน้มน้าวให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้แก่พรรคเล็กที่ไม่ใช่พรรคที่มีโอกาส
ในการชนะการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งเพื่อเป็นการตัดคะแนนของพรรคใหญ่ในเขตเลือกตั้ง เป็นต้น
ภายใต้ระบบการเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมนั้น วิธีการรณรงค์หาเสียงและยุทธวิธีในการแข่งขัน
การเลือกตั้งของพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งมีการกำาหนดไปตามกลุ่มประเภทของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
การหาเสียงของพรรคการเมืองมีนโยบายและข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อให้ตรงกับความต้องการประเภท
ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2 ประเภทหลัก ๆ คือประเภทตามกลุ่มอาชีพและตามอายุ เห็นได้จาก ในตัวเมืองเชียงใหม่
จะมีกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนน 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก หรือ First-time voters หมายถึง
กลุ่มผู้ที่เกิดระหว่างปี 2537-2544 ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มที่มีสิทธิเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา แต่ยังไม่เคยได้
เลือกตั้งและกลุ่มที่จะมีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่กำาลังจะมาถึงในปี 2562 จากข้อมูลของกรมการปกครอง
กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ผู้เกิดระหว่างปี 2537-2544 มีจำานวนไม่น้อยกว่า 6,426,014 คน ผู้มีสิทธิลงคะแนน
เสียงเลือกตั้งครั้งแรกหลังจากที่การเมืองไทยไม่มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปมากว่า 5 ปี เนื่องจากในจังหวัดเชียงใหม่
มีสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา 12 แห่ง ซึ่งยังไม่นับรวมสถานศึกษาในระดับมัธยมปลายที่มีนักเรียน
ที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเช่นกัน และกลุ่มคนชนชั้นกลางวัยกลางคนเป็นเจ้าของธุรกิจ รับจ้างทำางานบริษัท
เอกชนและรับราชการเพราะเป็นศูนย์กลางของหน่วยงานราชการ สำาหรับจังหวัดเชียงใหม่ การที่เป็นจังหวัด
ที่มีสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน มีคะแนนเสียงที่เป็นกลุ่ม First-time voters
กว่า 170,000 คน นับเป็นกลุ่มคะแนนที่มีผลต่อพรรคการเมืองภายใต้ระบบการเลือกตั้งอย่างมาก