Page 119 - kpiebook63011
P. 119

119








                  หรือการรณรงค์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของจังหวัดเชียงใหม่มากกว่าการเข้าร่วมกิจกรรมการเคลื่อนไหวทาง

                  การเมืองของกลุ่มการเมือง เช่น กลุ่มเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง แม้ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนไม่เคยมีประสบการณ์
                  ทางการเมืองแต่พรรคอนาคตใหม่ให้ผู้สมัครทุกคนแต่ละเขตไปสำารวจพื้นที่ของตนที่จะเลือกตั้งแล้วให้เขียน

                  แผนการหาเสียงมานำาเสนอให้พรรคพิจารณา ถ้าหากพรรคเห็นว่ามีความชัดเจนจึงทำาการสนับสนุน ดังนั้น
                  ผู้สมัครรับเลือกตั้งจำาเป็นต้องขยันที่จะเรียนรู้พื้นที่ของตัวเอง “เราต้องอ่านชาวบ้านชุมชนให้เข้าใจ รวมถึง

                  ลักษณะ บริบททางการเมืองของเขตเลือกตั้งของตัวเอง ต้องตีโจทย์ให้แตก เพราะตอนไปน�าเสนอพรรค
                  ต้องตอบค�าถามและอธิบายได้ พอลงไปในเขตตัวเองก็พบว่า ประชาชนไม่ได้อยากได้นักการเมืองคนเดิม

                  ของพรรคเดิม เราก็เห็นโอกาสในการชนะ”


                          ยุทธศาสตร์อีกด้านของพรรคที่เน้นฐานคะแนนเสียงจากกลุ่ม First-time voters หรือ ผู้มีสิทธิ
                  เลือกตั้งครั้งแรกที่มีกว่า 8 ล้านคน การพยายามสร้างยี่ห้อ (Brand) ของพรรคจึงเน้นความใหม่ ที่เป็นทางเลือก

                  และโอกาสที่เอื้ออำานวยต่อการที่ประเทศไทยไม่มีการเลือกตั้งอย่างยาวนานที่ทำาให้การเติมความคิดความรู้
                  ความนิยมของพรรคใหม่มีความเป็นไปได้มากขึ้น พรรคอนาคตใหม่คัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศ

                  ที่เป็นคนที่สนใจทางการเมืองแต่ไม่เคยสมัครรับเลือกตั้งหรือเคยเป็นอดีตนักการเมืองระดับชาติมาก่อน
                  ความท้าทายต่อการเปลี่ยนความคิดเรื่องการยึดติดคนของพรรคอนาคตใหม่จึงต้องสร้างผ่านการนำาเสนอ

                  พรรคการเมืองและหัวหน้าพรรคคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหลัก ซึ่งแตกต่างไปจากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เน้น
                  นักการเมืองท้องถิ่นหรืออดีต ส.ส.มาเป็นผู้สมัครเพราะมีฐานเสียงคะแนนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการใช้เครือข่าย

                  การเมืองเชิงอุปถัมภ์ เช่น ตระกูลการเมือง ที่ถือเป็นกลไกสำาคัญในการชนะการเลือกตั้งของการเมืองไทยนับแต่
                  อดีตที่ผ่านมา


                          พรรครวมพลังประชาชาติไทยซึ่งเป็นพรรคที่มีการเคลื่อนไหวในจังหวัดภาคเหนือตอนบนหลายจังหวัด
                  ด้วยการเดินทางมาปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จากการสอบถามพบว่าการคัดสรรผู้สมัคร จะมีทีม

                  ที่คอยพิจารณาคนที่มีชื่อเสียงหรือมีศักยภาพในการทำางานทางการเมืองร่วมกับพรรค ไม่มีการสัมภาษณ์อย่าง

                  เข้มข้น เพราะต้องการเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วม ไม่ปิดกั้นความสนใจทางการเมือง พรรคจะบริหารจัดภายองค์กร
                  ภายในแบบครอบครัว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คือคนที่เป็นศูนย์กลางของสมาชิก เพราะมักนัดคนรุ่นใหม่
                  และให้โอกาสคนรุ่นใหม่ในการแสดงความคิดเห็นในพรรคได้เต็มที่ ตามข้อมูลการสัมภาษณ์พบว่า สมาชิก

                  พรรครวมพลังประชาชาติไทยนอกจากจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและพรรค

                  อนาคตใหม่แล้ว ยังผิดหวังและไม่พอใจกับการดำาเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคและผู้บริหาร
                  บางส่วนจึงเป็นกลุ่มคนที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อน แต่ในการได้มาซึ่งสมาชิกโดยรวมมีด้วยกัน 2 แบบคือ
                  เสนอตัวหรือสมัครเข้ามากับมีการไปทาบทาม พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีแกนนำาที่มีประสบการณ์ในการ

                  ระดมมวลชน ดังนั้นการทำางานทางการเมืองก็เป็นงานมวลชนอย่างหนึ่ง “การเมืองเป็นเรื่องของมวลชน

                  ถ้ามาสมัครเข้าพรรคแล้วไม่สามารถหามวลชนมาสนับสนุนได้ ก็ไม่ควรจะมาท�างานทางการเมือง และที่ส�าคัญ
                  การเมืองมันไม่มีค�าว่าตรงกลาง ดังนั้นคนที่มาท�างานทางการเมืองก็ต้องชัดเจนว่าคิดยังไง สนับสนุนอะไร”
                  (สัมภาษณ์ผู้สมัครพรรครวมพลังประชาชาติไทย วันที่ 20 มกราคม 2562) ระบบบัญชีรายชื่อของพรรค
   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124