Page 46 - kpiebook63010
P. 46

45








                          ตัวอย่างระบบการเลือกตั้งในโลกนั้นมักจะแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ สามประเภทคือ


                          1.    Plurality Electoral Systems หรือระบบเสียงข้างมากรอบเดียว ผู้ชนะในเขตนั้นสามารถ

                                ได้ตำาแหน่งเลย แม้ว่าจะชนะด้วยคะแนนเพียงคะแนนเดียว

                          2.    Majority Electoral Systems หรือ ระบบเสียงข้างมากสองรอบ ผู้ชนะจะต้องได้คะแนนเสียง
                                เกินครึ่งหนึ่งของคะแนนทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการมีระบบเลือกตั้งสองรอบ


                          3.    Proportional Representation หรือ ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วน ซึ่งรวมไปถึงระบบ
                                การมีบัญชีรายชื่อให้ประชาชนเลือกทั้งผู้สมัครในเขตเลือกตั้งของตนเอง และมีคะแนน
                                อีกส่วนหนึ่งไว้เลือกผู้สมัครในนามของพรรค ซึ่งประชาชนอาจจะมีสิทธิเลือกในรายชื่อนั้น

                                หรือพรรคจัดทำารายชื่อให้เพียงแค่เลือกพรรคเท่านั้น การเลือกตั้งแบบสัดส่วนอาจจะมี

                                รายละเอียดหรือประเภทย่อย ๆ ที่แตกต่างกันออกไป


                          เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างระบบการเลือกตั้งกับการเมืองนั้น ทำาให้เราเห็นว่า ระบบการเลือกตั้ง

                  นั้นมีผลต่อผลการเลือกตั้งและการเมือง อีกทั้งระบบการเลือกตั้งนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงและออกแบบใหม่ได้

                  ตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งในแบบเสียงข้างมากทั่วไป อาจทำาให้เสียงของประชาชนที่เลือกพรรคที่ไม่ชนะในเขต
                  นั้นไม่ถูกนับเลย การเลือกตั้งที่เน้นเสียงข้างมากเกินครึ่งอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น เพราะประชาชน
                  มีแค่สองตัวเลือก หรือ อาจจะก่อให้เกิดการประนีประนอม เพราะแม้ว่าในรอบแรกประชาชนอาจจะเลือกผู้สมัคร

                  ที่ตนพอใจ แต่ในรอบสองนั้น เมื่อจำาต้องเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งที่ผ่านรอบแรกมาได้ ตัวผู้สมัครเองอาจจะต้อง

                  เปิดกว้างในเรื่องของนโยบายที่จะโอบล้อมความต้องการของประชาชนที่หลากหลายขึ้น


                          เราสามารถแบ่งตัวแปรในระบบการเลือกตั้งที่มีผลต่อการเมืองได้อย่างน้อยสามประการ คือ
                  สูตรการคำานวนการเลือกตั้ง (electoral formula) ขนาดของเขต/พื้นที่การเลือกตั้ง (district magnitude) และ
                  โครงสร้างของบัตรเลือกตั้งและการลงคะแนน (ballot structure) (Farrell, 1997)


                          นอกจากนี้แล้ว ระบบเลือกตั้งยังมีผลต่อระบบพรรคการเมือง (party system) ด้วย อาทิ ระบบเลือกตั้ง

                  แบบที่ไม่ใช่ระบบสัดส่วน คือนับคะแนนรอบเดียวและผู้ชนะได้ทั้งหมดในเขตจะส่งเสริมระบบสองพรรค (two-
                  party system) ขณะที่ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนนั้นจะส่งเสริมระบบพรรคหลายพรรค (multi-party system)

                  หรือก็มีข้อถกเถียงเช่นกันว่า ระบบหลายพรรคอาจจะมาก่อนจะมีระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนด้วยซำ้า (เพิ่งอ้าง)


                          นอกจากนี้แล้วระบบเลือกตั้งยังมีผลต่อพฤติกรรมเลือกตั้ง (voting behavior) อาทิ
                  ระบบเลือกตั้งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเลือก พรรคหรือการเลือกตัวบุคคล หรืออาจจะส่งผลต่อการเลือกตั้ง

                  เชิงยุทธศาสตร์ (tactical voting or strategic voting) เมื่อผู้ลงคะแนนเสียงนั้นไม่สามารถเลือกผู้สมัคร
                  หรือพรรคที่ตนต้องการที่สุดเนื่องจากถูกจำากัดโดยโครงสร้างของระบบการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในแง่ของ

                  โครงสร้าง/ระบบของบัตรเลือกตั้งและการลงคะแนน (เพิ่งอ้าง)
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51