Page 113 - kpiebook62008
P. 113
๘๒
กฎหมายภาษีอากรนั้น กรมสรรพากรได้ออกเป็นแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ กม. ๑/๒๕๕๐ เรื่อง การตอบข้อ
หารือปัญหากฎหมายภาษีอากร ลงวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
๑๕๓. สถานะทางกฎหมายของหนังสือตอบข้อหารือ แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ กม. ๑/๒๕๕๐ฯ ลงวันที่
๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ดังกล่าว วางหลักไว้ชัดเจนว่า การตอบหนังสือหารือปัญหากฎหมายภาษีอากรตาม
แนวทางปฏิบัติดังกล่าวเป็นเพียงการให้ความเห็นทางกฎหมายเพื่อให้ผู้หารือใช้ประกอบในการพิจารณาเกี่ยวกับ
การเสียภาษีอากร ซึ่งผู้หารือยังคงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิเจ้าพนักงาน
๑๓๕
ประเมินที่จะทำการตรวจสอบและประเมินเรียกเก็บภาษีอากร จึงอาจอนุมานได้ว่าหนังสือตอบข้อหารือปัญหา
กฎหมายภาษีอากรที่ออกโดยกรมสรรพากรนั้นไม่มีสถานะทางกฎหมาย
๑๕๔. อย่างไรก็ตาม แม้หนังสือตอบข้อหารือไม่มีสถานะทางกฎหมาย แต่อาจมีสถานะเป็นคำสั่งทางปกครองอัน
อาจก่อให้เกิดการกระทบสิทธิหรือโต้แย้งสิทธิของผู้เสียภาษีและมีผลให้ผู้เสียภาษีอาจอุทธรณ์หนังสือตอบข้อหารือ
ที่มีสถานะเป็นคำสั่งทางปกครองได้ การที่หนังสือตอบข้อหารือจะเป็นคำสั่งทางปกครองหรือไม่ต้องพิจารณา
เนื้อหาของหนังสือตอบข้อหารือว่าเข้าองค์ประกอบตามนิยามที่วางหลักไว้ในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธี
ปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งมีอยู่สองความหมาย กล่าวคือ ๑) ในการตอบข้อหารือดังกล่าวนั้น มี
ลักษณะเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ
เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการถาวร
หรือชั่วคราว เช่น การสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และการรับจดทะเบียน แต่
ไม่หมายความรวมถึงการออกกฎ ๒) การอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
๑๕๕. ตัวอย่าง กรณีผู้เสียภาษี คือ บริษัท A. (บริษัทฯ) ได้ขอให้กรมสรรพากรออกหนังสือยืนยันการยกเว้นภาษี
เงินได้นิติบุคคล เนื่องจากการโอนทรัพย์สินจากการควบกิจการไม่ถือเป็นการขายตามมาตรา ๗๔ (๑) (ข) แห่ง
ประมวลรัษฎากร การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๗๗/๑ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร และการยกเว้นภาษีธุรกิจ
๑๓๕ ข้อ ๕ ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ กม. ๑/๒๕๕๐ เรื่อง การตอบข้อหารือปัญหากฎหมายภาษีอากร ลงวันที่ ๗ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๐