Page 150 - kpiebook62006
P. 150
145
หากนายบีได้รับการหล่อหลอมและอยู่ในวัฒนธรรมของการเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย การที่นายบี
ได้รับการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองก็เป็นแนวทางการสร้างความสมดุลระหว่าง “สิทธิเสรีภาพ” กับ
“หน้าที่ความเป็นพลเมือง” ที่นายบีพึงได้จากการเรียนรู้และปลูกฝังผ่านการได้รับการศึกษา
ดังนั้น หากจะสรุปถึงแนวทางการสร้างความสมดุลระหว่าง “หน้าที่” กับ “สิทธิเสรีภาพ” ของความ
เป็นพลเมือง ผู้วิจัยมองว่ามีใน 2 ลักษณะ คือ ลักษณะในเชิงป้องกันโดยการใช้การจัดการศึกษาเพื่อสร้างความ
เป็นพลเมืองเพื่อให้มีความรู้ความใจ ความตระหนัก และความตื่นรู้ในความเป็นพลเมือง กับอีกแนวทางหนึ่งคือ
ลักษณะของการแก้ไขเยียวยาเมื่อบุคคลถูกบุคคลอื่นหรือรัฐละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของตน โดยการฟ้องร้องคดี
ต่อศาล ซึ่งมาตรา 25 วรรคสาม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติรับรองไว้
ว่า “บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญเพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลได้” ดังนั้น กลไกที่ใช้ในการแก้ไขเยียวยาความ
ไม่สมดุลระหว่าง“หน้าที่” กับ “สิทธิเสรีภาพ” ของความเป็นพลเมือง ก็คือศาลนั่นเอง
ส่วนกลไกที่หนุนเสริมการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
อันเป็นแนวทางการสร้างความสมดุลระหว่าง “หน้าที่” กับ “สิทธิเสรีภาพ” ของความเป็นพลเมืองในลักษณะ
เชิงป้องกันนั้น เป็นกลไกที่ท าหน้าที่ในการจัดการศึกษาซึ่งต้องครอบคลุมการศึกษาตลอดชีวิตของผู้เรียน โดย
สามารถแบ่งกลไกที่เกี่ยวข้องออกเป็นสามกลุ่ม ดังนี้
4.3.1 กลไกภาครัฐและภาคเอกชนที่ท าหน้าที่จัดการศึกษาในระบบ ตั้งแต่กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน วิทยาลัย
สถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษาต่าง ๆ ภายใต้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 ที่ท าหน้าที่จัดการศึกษาในระบบครอบคลุมตั้งแต่ปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และ
อุดมศึกษา โดยกลไกนี้ เป็นกลไกหลักของรัฐที่ให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชนของประเทศ รวมถึงการหล่อ
หลอมความคิด ทัศนคติและพฤติกรรม ดังนั้น กลไกกลุ่มนี้จึงมีความส าคัญที่จะเป็นเครื่องมือในการสร้าง
กระบวนการเรียนรู้ด้านพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตยให้กับผู้เรียน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการก าหนดยุทธศาสตร์
พัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง พ.ศ.2553-2561 ไว้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาในระบบแล้ว
แต่ในทางปฏิบัติยังถือว่าไม่ประสบผลส าเร็จนัก ต้องอาศัยความต่อเนื่องและการปรับเปลี่ยนกระบวนการ
จัดการเรียนการสอน รวมถึงทัศนคติของผู้สอนซึ่งต้องมีความเข้าใจว่าการสร้างความเป็นพลเมืองมิใช่เป็นเพียง
รายวิชาหนึ่งในหลักสูตร แต่ยังรวมถึงการใช้วิธีการและกระบวนการเรียนการสอนต่าง ๆ ที่มุ่งเสริมสร้างให้
ผู้เรียนได้ซึมซับกับบรรยากาศและวัฒนธรรมของสังคมประชาธิปไตย