Page 149 - kpiebook62006
P. 149

144


                 ประชาชนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจใน


                 ระบอบการปกครองและกลไกการปกครองของประเทศ เป็นการเพิ่มทักษะประชาธิปไตยแก่ประชาชนทุกคน

                 ซึ่งท าคู่ไปกับการศึกษาในระบบ เพื่อให้การเมืองกลายเป็นเรื่องของพลเมืองทุกคนในสังคม ไม่ได้เป็นเรื่องของ

                 นักการเมือง นักธุรกิจการเมือง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น


                 4.3 แนวทางการสร้างสมดุลระหว่าง “หน้าที่” กับ “สิทธิเสรีภาพ” ของความเป็นพลเมือง และกลไกที่

                 ท าให้เกิดการท าหน้าที่พลเมืองที่หนุนเสริมการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

                 พุทธศักราช 2560

                        จากที่กล่าวมาแล้วในบทที่ 2 และบทที่ 3 ตลอดจนผลการศึกษาวิจัยในบทนี้ข้างต้น หากจะพิจารณา

                 ถึงแนวทางการทางการสร้างสมดุลระหว่าง “หน้าที่” กับ “สิทธิเสรีภาพ” ของความเป็นพลเมือง ต้องตั้งต้นที่


                 กรอบความเป็นพลเมือง 6 ประการที่ก าหนดไว้เป็นกรอบในการศึกษา ได้แก่ รับผิดชอบตนเองและพึ่งตนเองได้

                 เคารพหลักความเสมอภาค เคารพความแตกต่าง เคารพสิทธิผู้อื่น เคารพกติกา และรับผิดชอบต่อสังคมและ

                 ส่วนรวม จะเห็นได้ว่าเป็นลักษณะของการก าหนดให้เป็น “หน้าที่ของความเป็นพลเมือง” ดังนั้น เมื่อพลเมือง

                 คนหนึ่งมีหน้าที่ นั่นหมายถึง รัฐ หรือบุคคลอื่นสามารถเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของเขาเพื่อให้เราต้องกระท า หรือ

                 งดเว้นการกระท า


                        ยกตัวอย่างเช่น นายเอ พลเมืองคนหนึ่ง มีหน้าที่ของความเป็นพลเมืองที่ต้อง “เคารพความแตกต่าง

                 ในความคิดเห็น” ของนายบีที่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา แม้ความคิดเห็นของนายบีนั้น นายเอจะไม่เห็นด้วย

                 ก็ตาม นายเอก็มีหน้าที่ต้องรับฟัง และไม่มีสิทธิปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นนั้น อย่างไรก็ตาม หากความ

                 คิดเห็นของนายบีได้ไปละเมิดต่อ “สิทธิความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิในชื่อเสียง” ของนายเอ เช่น เข้าข่าย

                 ความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่น เป็นต้น นายเอ ก็สามารถใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องร้องเป็นคดีได้ การ

                 ฟ้องร้องคดีก็เป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างความสมดุล ระหว่างการมี “หน้าที่ต้องเคารพความแตกต่าง” ของ

                 นายเอ กับ “สิทธิความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิในชื่อเสียง”  ที่นายเอมี หากนายเอถูกละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพที่ตนมี


                        ในทางกลับกัน หากมองมุมของนายบีแล้ว แม้นายบีจะมี “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” ก็ตาม

                 แต่นายบีก็มี “หน้าที่ที่ต้องเคารพสิทธิของผู้อื่น” ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของความเป็นพลเมืองด้วย ดังนั้น การใช้

                 “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” ของนายบี ก็ต้องมีความสมดุลกับ “หน้าที่ที่ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของ

                 ผู้อื่น” กล่าวคือ ต้องไม่แสดงความคิดเห็นที่ไปกระทบหรือละเมิดต่อสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิในชื่อเสียง

                 ของนายเอนั่นเอง การที่นายบีมีความตระหนักในการใช้เสรีภาพของตนที่ไม่ไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น

                 เป็นการสะท้อนว่านายบีรู้ “หน้าที่ที่ต้องเคารพสิทธิของผู้อื่น” ซึ่งการตระหนักรู้ดังกล่าวนั้น สามารถเกิดขึ้นได้
   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153   154