Page 47 - kpiebook62004
P. 47

บทบาทนานาชาติต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ของไทยและบางมุมมองต่อภาพอนาคต






                              ที่โหดร้ำยผิดมนุษย์...นโยบำยของรัฐในยุคอ ำนำจนิยมในขณะนั้น เป็นนโยบำยที่แบ่งแยก
                              ผู้คนที่เห็นต่ำงจำกรัฐให้เป็น "อื่น" เป็นอะไรบำงอย่ำงที่ไม่ใช่คนไทย เพื่อให้ง่ำยต่อกำร

                              ปรำบปรำม แต่รัฐก็ได้บทเรียนที่ส ำคัญยิ่งคือ กำรใช้ควำมรุนแรงกับประชำชน เป็นสิ่งที่ท ำ
                              ให้กองก ำลังติดอำวุธ ของขบวนกำรแบ่งแยกดินแดนและขบวนกำรก่อกำรร้ำย ต่ำง ๆ

                              รวมทั้งพรรคคอมมิวนิสต์กลับแข็งแกร่งมำกยิ่งขึ้น ได้รับก ำลังสนับสนุนจำกประชำชนมำก

                              ขึ้น โดยเฉพำะขบวนกำรแบ่งแยกดินแดน และขบวนกำรก่อกำรร้ำยในภำคใต้ ได้มวลชนใน
                              พื้นที่และเงินสนับสนุน จำกกลุ่มมุสลิมที่อยู่นอกประเทศไทย เพรำะมีควำมรู้สึกเห็นใจ และ

                              มองว่ำรัฐบำลไทยกดขี่ชำวมุสลิมในจังหวัดชำยแดนภำคใต้ (ประชำไท, 2548, เน้นโดย
                              ผู้วิจัย)



                              จะเห็นได้ว่ำ มุมมองของรัฐที่รับรู้ต่อปัญหำแบบหนึ่งสัมพันธ์กับกำรใช้วิธีกำรแก้ปัญหำแบบ
                   หนึ่ง ซึ่งอำจจะไม่ได้ตรงกับรำกเหง้ำของปัญหำที่ซับซ้อนและซ่อนลึกในระดับอุดมกำรณ์ ส่งผลให้ยุทธวิธี

                   ในกำรปรำบปรำมไม่สำมำรถขุดรำกเหง้ำของปัญหำได้และท ำให้ปัญหำสั่งสมและรอวันปะทุขึ้นมำเป็น

                   ระลอก ๆ เมื่อใดที่สบช่องของโอกำส
                              กล่ำวอีกทำงหนึ่ง ควำมจ ำเป็นที่ต้องกล่ำวถึงสถำนะของปัญหำชำยแดนใต้ในมุมมองของรัฐ

                   ในอดีต มีควำมเชื่อมโยงกับมุมมองของผู้เกี่ยวข้องกับกำรแก้ไขปัญหำสถำนกำรณ์ชำยแดนใต้ในปัจจุบัน
                   เนื่องจำกผู้รับผิดชอบยุทธศำสตร์หลักในกำรแก้ไขปัญหำในระดับปฏิบัติกำรยังคงพึ่งพิงฝ่ำยควำมมั่นคงที่มี

                   ทหำรเป็นผู้น ำส ำคัญและแนวทำงในกำรแก้ไขปัญหำแบบเดิมนั้นส่งต่อกันมำผ่ำนระบบกำรศึกษำอบรม

                   และวัฒนธรรมของกองทัพ ดังนั้น มุมมองต่อฝ่ำยที่ต่อต้ำนรัฐจึงไม่ได้เปลี่ยนไปมำกนัก  ยกเว้นกำร
                   เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสมัยรัฐบำลของพลเอกเปรม ติณสูลำนนท์ ซึ่งได้ประกำศค ำสั่งส ำนักนำยกรัฐมนตรี

                   ที่ 66/23 ให้เป็น "นโยบำยกำรต่อสู้เพื่อเอำชนะคอมมิวนิสต์" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยุติสถำนกำรณ์
                   สงครำมปฏิวัติของคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ “กำรยอมรับกำร

                   ด ำรงอยู่ของอีกฝ่ำย”  กำรลดเงื่อนไขที่สร้ำงควำมอยุติธรรมต่ำง ๆ ในสังคมเพื่อไม่ให้พลังกำรสนับสนุน
                                     2
                   พรรคคอมมิวนิสต์ขยำยวงกว้ำงออกไป และกำร “ยอมรับอดีตศัตรูให้เป็นผู้หลงผิด” เท่ำนั้นโดยเขำ
                   เหล่ำนั้น คือ “คนไทย” เป็นกำรปฏิบัติต่อศัตรูในฐำนะมิตร เพื่อเปิดทำงให้ “ผู้หลงผิด” เหล่ำนั้นสำมำรถ

                   กลับมำใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมได้ (ประชำไท, 2548)

                              ทว่ำยังพอมีควำมโชคดีอยู่บ้ำงว่ำ ยังมีมุมมองของฝ่ำยรัฐต่อปัญหำชำยแดนใต้ของอดีต
                   ข้ำรำชกำรระดับสูงของสภำควำมมั่นคงแห่งชำติของไทยให้ข้อพิจำรณำที่ส ำคัญคือ “ปัญหำที่เกิดขึ้นใน

                   จังหวัดชำยแดนภำคใต้นั้นเป็นปัญหำกำรเมือง ไม่ใช่เรื่องของคนร้ำยหรืออำชญำกรรมธรรมดำ” (พิชัย,


                   2  ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้ำทำยมำตลอดประวัติศำสตร์ควำมขัดแย้งและกำรแก้ปัญหำสถำนกำรณ์ชำยแดนใต้ เพรำะรัฐไทยมองว่ำ
                   กำรยอมรับกำรด ำรงอยู่ของอีกฝ่ำยจะเป็นกำรยกสถำนะของคู่ขัดแย้ง

                                                             34
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52