Page 45 - kpiebook62004
P. 45

บทบาทนานาชาติต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ของไทยและบางมุมมองต่อภาพอนาคต






                   ปัญหำและวิธีกำรแก้ที่ไม่เป็นผลดี  กระนั้นกำรรับรู้และมุมมองต่อกำรแก้ปัญหำชำยแดนใต้ของ สุทิน
                   สนองผัน (2555) อำจจะไม่ผิดเสียทั้งหมดแต่ก็ไม่ถูก และเมื่อเป็นเช่นนั้น กำรเสนอแนะแนวทำงในกำร

                   แก้ปัญหำจึงไม่ได้วำงอยู่บนควำมต้องกำรที่ถูกต้องตรงกับควำมต้องกำรที่แท้จริงของผู้คนในสำมจังหวัด
                   ยิ่งกว่ำนั้น สุทินเองอำจจะไม่ได้ตระหนักว่ำข้อเสนอแนะของตนนั้นไม่ต่ำงอะไรกับแนวนโยบำยของรัฐไทย

                   ในยุคที่มีกำรบังคับผสมกลมกลืน (ปิยนำถ บุนนำค, 2534) หรือในยุครัฐบำล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็น

                   ต้นมำที่มีควำมพยำยำมจะที่น ำเอำมำตรกำรทำงเศรษฐกิจและสังคมไปบังคับใช้แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่อำจ
                   กล่ำวได้ว่ำประสบควำมส ำเร็จในกำรหลอมรวมทำงสังคมและวัฒนธรรมหรือแม้กระทั่งทำงเศรษฐกิจและ

                   สังคม  ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องกับกำรแก้ไขปัญหำชำยแดนใต้จึงพึงตระหนักถึงมุมมองและกำรรับรู้ต่อปัญหำ
                   ชำยแดนใต้ที่หลำกหลำย รวมถึงข้อเสนอแนะแนวทำงที่จะแก้ปัญหำนั้นก็มีหลำยมิติ



                         2.3.3 ความรุนแรงชายแดนใต้ในมุมมองของรัฐ
                              กล่ำวถึงควำมขัดแย้งที่ในพื้นที่ชำยแดนใต้แม้ว่ำจะเป็นควำมขัดแย้งภำยใน แต่ด้วยพื้นที่เกิด

                   เหตุนั้นอยู่ติดกับพรมแดนของเพื่อนบ้ำนมำเลเซีย กรอบคิดหลักของรัฐจึงไม่อำจไม่ค ำนึงถึงควำมมั่นคง

                   ชำยแดน และแน่นอนว่ำเมื่อมีควำมคำบเกี่ยวเช่นนี้ หน่วยงำนที่รัฐมอบหมำยหลักส ำหรับกำรแก้ปัญหำจึง
                   ต้องประกอบด้วยหน่วยงำนควำมมั่นคงโดยเฉพำะกระทรวงกลำโหม และหน่วยงำนด้ำนกำรต่ำงประเทศ

                   กระทรวงกำรต่ำงประเทศ และให้น้ ำหนักกับมิติด้ำนควำมมั่นคงและกำรป้องกันประเทศเป็นหลัก (ขจิต
                   จิตตเสวี, 2557: 240-241) ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันโดยทั่วไป หำกแต่ปัญหำในพื้นที่ชำยแดนใต้มีควำม

                   ซับซ้อนมำกกว่ำที่จะใช้มุมมองเรื่องควำมมั่นคงและกำรป้องกันประเทศแต่เพียงอย่ำงเดียวได้ หำกแต่มิติ

                   ด้ำนควำมมั่นคงของควำมเป็นมนุษย์ที่อยู่บริเวณชำยแดนแห่งนั้นอำจจะส ำคัญยิ่งกว่ำเมื่อจะพิจำรณำถึง
                   กำรแก้ปัญหำควำมขัดแย้งอันเนื่องมำจำกอุดมกำรณ์ที่ฝังแน่นซึ่งผ่ำนกำรเดินทำงอย่ำงเข้มข้นในแต่ละ

                   ช่วงเวลำของประวัติศำสตร์ อย่ำงไรก็ดี ในยุคโลกำภิวัฒน์ที่ระยะห่ำงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อกำรเชื่อมโยงถึง
                   กันอีกต่อไป กำรพึ่งพำอำศัยซึ่งกันและกันยิ่งท ำให้พรมแดนที่แบ่งกั้นด้ำนต่ำง ๆ เจือจำงลง โลกเชื่อมโยง

                   ถึงกันมำกขึ้นและในโลกที่กำรพึ่งพำอำศัยกัน เพื่อจะบรรลุเป้ำหมำยภำยใน รัฐก็จ ำต้องเข้ำไปผูกพันและ

                   ร่วมมือกับรัฐอื่น ๆ ด้วยอำจจะในรูปแบบของ “พหุภำคี”   ข้อท้ำทำยที่ส ำคัญคือหำกรัฐจะให้นโยบำย
                   สำธำรณะต่ำง ๆ มีประสิทธิผลในกำรด ำเนินงำนและตอบสนองต่อควำมต้องกำรของประชำชนได้

                   สมรรถนะในกำรท ำ “ธรรมำภิบำลตนเอง” (Self-governance) ( McGrew et al. อ้ำงถึงใน ขจิต  จิตต

                   เสวี, 2557: 206) กระนั้น มุมมองที่ผ่ำนมำของรัฐก็มองว่ำปัญหำชำยแดนใต้เป็น “ปัญหำภำยใน” จึงมักใช้
                   วิธีจัดกำรเองเป็นกำรภำยใน และปฏิเสธกำรเข้ำมำเกี่ยวพันจำกองค์กรนำนำชำติ แม้ว่ำจะมีนักวิชำกำร

                   ชี้ให้เห็นว่ำ ปัญหำชำยแดนใต้มีสถำนะควำมเป็นสำกลในแง่ที่ว่ำเป็นปัญหำที่ทั่วโลกต่ำงเผชิญในลักษณะที่

                   คล้ำยกันจึงเป็นประเด็นปัญหำที่นำนำชำติสนใจมำตั้งแต่ต้น (คณะท ำงำนยุทธศำสตร์สันติวิธี, 2559: 20)
                   คือ เป็นปัญหำควำมขัดแย้งระหว่ำงรัฐกับคนกลุ่มน้อยต่ำงศำสนำและชำติพันธุ์ที่เกิดขึ้นในหลำยภูมิภำคใน



                                                             32
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50