Page 22 - kpiebook61002
P. 22

เชิงป้ องกันในส่วนนี, เช่น การจัดวางเส้นทางเข้าออกที*เหมาะสม การเพิ*มแสงสว่าง การจัดวางห้องนํ,าไว้ในที*มี

               คนพลุกพล่าน การซ่อมแซมสิ*งป้ องกันให้ใช้งานได้ (Lewis & Davodi-Far, =gg@, p.II-Bg=)

                      สาเหตุอีกประการหนึ*งที*ทําให้เกิดแนวคิดยุติธรรมชุมชน คือ การสร้างความพึงพอใจระหว่างผู้เสียหาย
               และผู้กระทําผิด ดังที* Lewis  &  Davodi-Far มองว่ายุติธรรมชุมชนมีลักษณะเป็นยุติธรรมเชิงสมานฉันท์

               (Restorative justice) เมื*อเปรียบเทียบกับยุติธรรมเชิงอาญาแล้ว ยุติธรรมชุมชนยังผลให้เกิดความพึงพอใจทั,ง

               เหยื*อและผู้กระทําผิดมากกว่า (Lewis  &  Davodi-Far,  =gg@,  p.II-Bg=) สอดคล้องกับงานเขียนของ
               Bazemore & Schiff (=ggB) ที*สะท้อนให้เห็นว่า แต่เดิม (ช่วงประมาณทศวรรษที* BIIg) งานยุติธรรมชุมชนใน

               เชิงสากลที*พบในประเทศอเมริกาหรือยุโรปค่อนข้างมีลักษณะเป็นทางการ เน้นผลลัพธ์เพื*อส่วนรวม เน้นการ

               ป้ องกัน (prevention) ต่อมามีแนวโน้มที*จะไปในแนวทางยุติธรรมสมานฉันท์ด้วย คือมีการเข้าถึงตัวบุคคลมาก

               ขึ,น มีความพยายามใช้รูปแบบที*ไม่เป็นทางการ เช่น มีคณะกรรมการสมานฉันท์ชุมชน ให้ชุมชนเข้ามามีส่วน
               ร่วมโดยมีบทบาทที*สําคัญ ทําการในลักษณะตอบโต้ต่อปัญหา (reaction) แสวงหาข้อตกลงร่วมระหว่างผู้มี

               ส่วนได้ส่วนเสียเพื*อหาความต้องการระหว่างเหยื*อ ผู้ต้องหาหรือผู้กระทําผิด และประชาชนที*ได้รับผลกระทบ

               เพื*อให้ในท้ายที*สุดได้แนวทางแก้ปัญหาและทําให้ชุมชนเข้มแข็งต่อไปได้ (Bazemore & Schiff, =ggB, pp.=?-
               37)

                      จากข้อสนับสนุนข้างต้น อาจกล่าวได้ว่าแนวคิดยุติธรรมชุมชนได้รับความสนใจในระดับสากลมาเกือบ

                                                     1
               ?g ปี นับตั,งแต่ช่วงประมาณทศวรรษที* BIIg  ช่วงระยะเวลาดังกล่าวถือว่าเกิดพัฒนาการเพียงพอที*จะทําให้
               ยุติธรรมชุมชนมีคุณค่าและความสําคัญทั,งแนวความคิดและการปฏิบัติ สรุปได้หลายประการ ดังต่อไปนี, (กิตติ

               พงษ์ กิตยารักษ์, =>>g, น. =I; กมลชนก ดุริยประกิจ, =>C>, น.BM-BN )

                      ประการแรก ยุติธรรมชุมชนช่วยให้เกิดการรื,อฟื,นภูมิปัญญาของชุมชนท้องถิ*นในการป้ องกัน
               อาชญากรรมและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแบบสมานฉันท์ตามวิถีดั,งเดิม เป็นการรักษาขนบธรรมเนียม

               จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ*นให้คงอยู่ เป็นการนําเอาทุนทางสังคมและศักยภาพของชุมชนซึ*งมีความ

               ใกล้ชิดกับความชัดแย้งหรือการกระทําผิดมากที*สุดได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา เป็นการนํา

               จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ*นที*มีอยู่ในชุมชนในอดีตมาใช้เป็นเครื*องมือในการดูแลความสงบ ซึ*งทุนทาง
               สังคมและศักยภาพของชุมชนหากมีการกระตุ้นและนํามาใช้อย่างเหมาะสมจะเป็นพลังที*ช่วยแก้ปัญหาเกี*ยวกับ

               ความสงบเรียบร้อยในชุมชนตั,งแต่การป้ องกันหรือการแก้ที*ต้นเหตุของปัญหา การดูแลผู้เสียหายและผู้กระทํา

               ผิด ตลอดจนมีส่วนร่วมกับกระบวนการยุติธรรมกระแสหลักในการดําเนินกิจกรรมต่างๆ




                      1  จากงานเขียนของ Bazemore & Schiff (2001) กล่าวว่าแต่เดิม (ช่วงประมาณทศวรรษที* 1990) งานยุติธรรมชุมชน

               ในเชิงสากลที*พบในประเทศอเมริกาหรือยุโรปค่อนข้างมีลักษณะเป็นทางการ
                                                            13
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27