Page 67 - b29420_Fulltext
P. 67

เปลี่ยนแปลงระดับมากแห่งหนึ่งที่ระบุว่าการเข้ามาของโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงได้สร้าง

               ความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นว่าประชาชนมีสิทธิที่จะพูดและเสนอแนะเรื่องราวต่างๆได้ “ดีใจที่มีโครงการนี้ ที่ผ่านมาคิด

               อยู่ตลอดว่ามีอะไรที่อยากได้อยากเปลี่ยนแต่ไม่ค่อยมีเวที แล้วพอพูดไปก็ไม่ได้ผล ไม่มีใครฟัง เหมือนกับพูดไป

               เปล่าๆ ก็ท้อนะ แต่พอมีโครงการนี้เข้ามาก็ปลุกไฟอีกครั้ง ดีใจที่ได้พูดออกมา พูดตรงๆว่าเราอยากได้อะไรกับ
               ผู้สมัครเลย มันไม่เคยมีนะเวทีแบบนี้” ด้านผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกรายหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านความรู้

               ระดับมาก ที่ถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมเวทีเสวนาแต่ก็กล่าวไปในทิศทางเดียวกันกับผู้ที่เข้าร่วมเวทีเสวนาว่า บรรยากาศ

               การรณรงค์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้เกิดการฉุกคิดและเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งอีกครั้ง “พี่ไม่ได้เข้าร่วมเวทีเพราะว่า

               ทำงาน จะอยู่บ้านก็เสาร์อาทิตย์ แต่ก็รู้นะ ได้ยินเขาประกาศกันอยู่เห็นเขาปั่นจักรยานกัน แต่เราก็ไม่ได้ไปร่วม

               ก็อยากไปอยู่นะ คือมันก็ดี มันทำให้เราได้คิดว่าเราจะเลือกผู้นำแบบไหน แต่ก่อนก็เลือกๆไปใครว่ายังไงที่บ้านว่า
               ยังไงก็เอาตามกัน ก็ญาติกันด้วยแต่ตอนนี้ก็คิดเยอะขึ้น” ด้านผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกรายหนึ่งกล่าวว่า โครงการเลือกตั้ง

               สมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงนั้นทำให้เกิดการฉุกคิดและตัดสินใจเลือกผู้สมัครอย่างมีสติมากขึ้น


                       ในทางตรงกันข้ามผลการจากการสัมภาษณ์พบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ข้างเคียง ยังมีมุมมองต่อคุณค่า

               คะแนนเสียงของตนต่ำและส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง “ผมไม่เชื่อเลยนะว่าเลือก

               แล้วจะเปลี่ยน ผมว่ามันก็เหมือนเดิมคนเก่าๆหน้าเดิม คนหน้าใหม่ไม่กล้าลงหรอกเพราะมันลงทุนสูง” ขณะที่ผู้มี

               สิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ข้างเคียงอีกแห่งหนึ่งกล่าวว่า “น้อยนักที่จะเปลี่ยน นโยบายไม่ได้มีอะไรใหม่ ส่วนใหญ่ก็เลือก
               ญาติ” เป็นต้น


                       ด้านความตระหนักถึงทางเลือกในการเลือกผู้แทนนั้น ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ชี้ให้เห็นไปในทิศทาง

               เดียวกันกับข้อมูลจากแบบสอบถาม กล่าวคือ แม้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในกลุ่มพื้นที่ที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านระดับ

               คะแนนมากจะรับรู้ถึงอิทธิพลต่างๆต่อการตัดสินใจเลือกผู้แทนน้อยกว่าพื้นที่ที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านคะแนนน้อย

               ทว่าก็ยังมีความรู้สึกถึงอิทธิพลบางอย่างที่มีต่อการตัดสินใจเลือกผู้แทนอยู่ จากบทสัมภาษณ์พบว่ากลุ่มตัวอย่างผู้มี

               สิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่าเหตุผลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกผู้แทนก็คือ เพราะ
               พวกเขา ‘เห็นแก่ญาติพี่น้อง’ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หนึ่งระบุว่า “ก็ต้องเลือกญาติกันก่อน เลือกคนชอบพอกัน เคย

               ช่วยเหลือกัน ทำความดีอย่างนี้” ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกผู้หนึ่งกล่าวว่า “เงินไม่ได้สำคัญญาติพี่น้องกันยังไงก็ต้อง

               ช่วยกันเอากันไว้ก่อน” เป็นต้น


                       ด้านผู้สมัครและผู้นำชุมชนก็ชี้ให้เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ญาติ’ มีความสำคัญอย่างมากและเป็นส่วน

               หนึ่งที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง “สำหรับผมเองมีความสบายใจในการลงเลือกตั้งครั้งนี้เบื้องต้นเรา







                                                                                                           54
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72