Page 42 - b29416_Fulltext
P. 42

๔. แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
                                  “การพัฒนาที่ยั่งยืน” เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างมากในกระแสการพัฒนาของสังคมโลก

                  นับตั้งแต่ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติรวมทั้งประเทศไทย ได้ร่วมลงนามในแผนแม่บทของโลกเพื่อ
                  การพัฒนาที่ยั่งยืนหรือแผนปฏิบัติการ ๒๑ (Agenda 21) ในการประชุมสุดยอดของโลกทางด้านสิ่งแวดล้อม
                  (Earth Summit) ที่ประเทศบราซิล เมื่อปี ๒๕๓๕ ซึ่งได้เป็นพันธกรณีที่แต่ละประเทศจ าเป็นต้องแสวงห า
                  แนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาประเทศให้มุ่งความยั่งยืน  ส าหรับประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากแนวคิดการ

                  พัฒนาที่ยั่งยืนในกระแสโลก มาปรับใช้ในกระบวนการวางแผนพัฒนาประเทศด้วย เช่นกัน
                                 แนวทางการพัฒนาประเทศภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในระยะเวลากว่า
                  ๒๐ ปีที่ผ่านมา จึงได้ปรับเปลี่ยนทิศทางไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
                  สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕ – ๒๕๔๙) ซึ่งใช้เป็นกรอบทิศทางการพัฒนาประเทศในปัจจุบันนั้นได้ให้

                  ความส าคัญกับการพัฒนาที่สมดุล ทั้งด้านคน  สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย  “การ
                  พัฒนาที่ยั่งยืนและความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทุกคน”
                                 การพัฒนาที่ยั่งยืนจ าเป็นต้องด าเนินการอย่างเป็นองค์รวม เพื่อสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นใน ๓ มิติ
                  ทั้งมิติด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มิติด้านเศรษฐกิจ และมิติด้านสังคม

                                 แนวคิดของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ได้อธิบายการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืน
                  มีลักษณะที่เป็นบูรณาการ (Integrated) คือท าให้เกิดเป็นองค์รวม (Holistic) หมายความว่า องค์ประกอบ
                  ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องจะต้องมาประสานกันครบองค์ และมีลักษณะอีกอย่างหนึ่ง คือ มีดุลยภาพ (Balance) หรือ

                  พูดอีกนัยหนึ่ง คือ การท าให้กิจกรรมของมนุษย์สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ” นั่น ก็คือ การก าหนด
                  แนวทางการพัฒนาจะต้องค านึงถึงปัจจัยด้านมนุษย์ โดยให้คุณค่าทางวัฒนธรรมรวมอยู่ในกิจกรรมทาง
                  เศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย   ดังนั้นตามแนวคิดของพระธรรมปิฏก จึงสามารถ
                  สรุปได้ว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นการพัฒนาที่ครอบคลุมการพัฒนาในทุกด้านและทุกมิติ กล่าวคือ ทั้ง
                  เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จิตใจ วัฒนธรรม ฯลฯ โดยมีคนเป็นศูนย์กลางหรือ

                  เป้าหมายของการพัฒนา เพื่อให้คนอยู่ดีกินดี และมีความสุข ทั้งคนในรุ่นนี้และรุ่นต่อ ๆ ไป” ”  (พระธรรมปิฎก
                  (ป.อ.ปยุตโต).๒๕๕๖)
                                 คณะกรรมการเตรียมการประชุมสุดยอดฯ ของประเทศได้ร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย จัด

                  ระดมความคิดเห็นจากภาคีต่าง ๆ ได้ข้อยุติด้านค านิยามของการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืนในบริบท
                  ไทย เป็นการพัฒนาที่ต้องค านึงถึงความเป็นองค์รวมของทุก ๆ ด้านอย่างสมดุล บนพื้นฐานของ
                  ทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่ม ด้วยความเอื้อ
                  อาทร เคารพซึ่งกันและกัน เพื่อความสามารถในการพึ่งตนเอง และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม”  (ส านักงาน

                  คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ๒๕๔๖ : ๑ – ๕)
                                 ทั้งนี้การพัฒนาที่ยั่งยืนมีหลักการส าคัญ ได้แก่  ๑) การพัฒนาที่ด าเนินไปโดยค านึงถึงขีดจ ากัด
                  ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสนองความต้องการในปัจจุบันโดยไม่ส่งผลเสียต่อความต้องการใน
                  อนาคต  ๒) การพัฒนาที่ค านึงถึงความเป็น “องค์รวม” คือมองว่าการจะท าสิ่งใดต้องค านึงถึง ผลกระทบที่จะ

                  เกิดขึ้นกับสิ่งอื่น ๆ ดังนั้น การพัฒนาแนวนี้จึงยึดหลักความรอบคอบ และค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งเปิดโอกาสให้
                  ภาคีการพัฒนาต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาด้วย ๓) การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้ระบุว่าจะต้อง






                                      รายงานฉบับสมบูรณ์การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน   ๑๓
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47