Page 45 - b29416_Fulltext
P. 45

บริหาร ส่วนฝ่ายบริหารมีหน้าที่เรียกหาข้อมูล และน าผลการประเมินที่ได้ไปใช้ประกอบการ ตัดสินใจ เพื่อ
                  ด าเนินกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณีทั้งนี้เพื่อป้องกันการมีอคติในการประเมิน

                                 ประเด็นการประเมินตามรูปแบบ CIPP Model  สตัฟเฟิลบีม ได้ก าหนดประเด็น
                  การประเมินออกเป็น 4 ประเภท ตามอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกของ “CIPP Model” ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
                                    ๑.การประเมินสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation: C) เป็นการประเมินก่อน
                  การด าเนินการโครงการเพื่อพิจารณาหลักการและเหตุผล ความจ าเป็นที่ต้องด าเนินโครงการ ประเด็นปัญหา

                  และความเหมาะสมของเป้าหมายโครงการ  หรือเป็นการประเมินปัจจัยพื้นฐานที่น าไปสู่การพัฒนาเป้าหมาย
                  ของโครงการ ได้แก่ บริบทของสภาพแวดล้อม นโยบาย วิสัยทัศน์ ปัญหา แหล่งทุน สภาพความผันผวนทางด้าน
                  สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ตลอดจนแนวโน้มการก่อตัวของปัญหาที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการด าเนิน
                  โครงการ  เป็นต้น

                                    ๒.การประเมินปัจจัยน าเข้า (Input Evaluation: I)  เป็นการประเมินเพื่อพิจารณาถึง
                  ความเป็นไปได้ของโครงการ ความเหมาะสมและความพอเพียงของทรัพยากรที่จะใช้ในการด าเนินโครงการ เช่น
                  งบประมาณ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์เวลา ฯลฯ รวมทั้ง เทคโนโลยีและแผนการด าเนินงาน นอกจากนั้นยังเป็น
                  การประเมินเพื่อค้นหาประสิทธิภาพขององค์ประกอบที่น ามาเป็นปัจจัยป้อน

                                    ๓.การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation: P)  เป็นการประเมินเพื่อหา
                  ข้อบกพร่องของการด าเนินโครงการ ที่จะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง ให้การด าเนินการช่วงต่อไป
                  มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการตรวจสอบกิจกรรม เวลา ทรัพยากรที่ใช้ในโครงการ ภาวะผู้น า การมีส่วน

                  ร่วมของประชาชนในโครงการโดยมีการบันทึกไว้เป็น หลักฐานทุกขั้นตอน การประเมินกระบวนการนี้ จะเป็น
                  ประโยชน์อย่างมากต่อการค้นหาจุดเด่น หรือจุดแข็ง (Strengths) และจุดด้อย (Weakness) ของนโยบาย /
                  แผนงาน/โครงการซึ่งมักจะไม่สามารถศึกษาได้ภายหลังจากสิ้นสุดโครงการแล้ว
                                    ๔.การประเมินผลผลิต (Product Evaluation: P)  เป็นการประเมินเพื่อเปรียบเทียบ
                  ผลผลิตที่เกิดขึ้นกับวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือมาตรฐานที่ก าหนดไว้ รวมทั้งการพิจารณาในประเด็นของ

                  การยุบ เลิก ขยาย หรือปรับเปลี่ยนโครงการแต่การประเมินผลแบบนี้มิได้ให้ความสนใจต่อเรื่องผลกระทบ
                  (Impact) และผลลัพธ์ (Outcomes) ของนโยบาย/แผนงาน/โครงการเท่าที่ควร นอกจากนี้ สตัฟเฟิลบีม ได้
                  น าเสนอประเภทของการตัดสินใจที่สอดคล้องกับประเด็นที่ประเมิน ดังนี้

                                      ๑) การตัดสินใจเพื่อการวางแผน (Planning Decisions) เป็นการตัดสินใจที่ใช้ข้อมูล
                  จากการประเมิน สภาพแวดล้อมที่ได้น าไปใช้ในการก าหนดจุดประสงค์ของโครงการ ให้สอดคล้องกับแผนการ
                  ด าเนินงาน
                                      ๒) การตัดสินใจเพื่อก าหนดโครงสร้างของโครงการ (Structuring Decisions) เป็น

                  การตัดสินใจที่ใช้ข้อมูลจากปัจจัยน าเข้าที่ได้น าไปใช้ในการก าหนดโครงสร้างของแผนงานและขั้นตอนของการ
                  ด าเนินการของโครงการ
                                      ๓) การตัดสินใจเพื่อน าโครงการไปปฏิบัติ (Implementation Decisions) เป็นการ
                  ตัดสินใจที่ใช้ข้อมูล จากการประเมินกระบวนการ เพื่อพิจารณาควบคุมการด าเนินการให้เป็นไปตามแผน และ

                  ปรับปรุงแก้ไขการด าเนินการให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
                                      ๔) การตัดสินใจเพื่อทบทวนโครงการ (Recycling Decisions) เช่น การตัดสินใจเพื่อ






                                      รายงานฉบับสมบูรณ์การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน   ๑๖
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50