Page 99 - b29256_Fulltext
P. 99

สาธารณสุขหรือการบำบัดโรค จะต้องมีการเสนอโครงการให้แก่สภาการสาธารณสุขประจำชาติ เป็นผู้มีอำนาจในการ

            พิจารณาและอนุมัติรับรองโครงการต่าง ๆ เสียก่อน


                   จากนั้นในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2469 จึงได้มีการประชุมหารือร่วมกันในเรื่องของร่างพระราชบัญญัติสภาการ
            สาธารณสุขประจำชาติ ณ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนที่จะสรุปออกมาเป็นรายงานการประชุมดังต่อไปนี้ การ

            ประชุมนำโดย สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการเปิด

            การประชุม หม่อมเจ้าสกลวรรณากร อธิบดีกรมสาธารณสุข เป็นประธานในการหารือการประชุม โดยมีผู้แทนกระทรวง

            ทบวงการต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม โดยขาดแต่ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมไม่มาเข้า

            ร่วมการประชุม เสนาบดีรับสั่งเปิดการประชุมมีสาระสำคัญอยู่ด้วยกัน 3 ประเด็น 1. ร่างพระราชบัญญัติสภาการ

            สาธารณสุขประจำชาติ เป็นเรื่องที่ค้างคามาตั้งแต่ในสมัยของเสนาบดีคนก่อนหน้า ที่ได้ริเริ่มร่างนี้ขึ้นไว้ แต่ยังไม่ได้มีการ

            ส่งไปหารือกับกระทรวงทบวงต่าง ๆ และไม่มีโอกาสได้ประชุมหารือร่วมกัน เนื่องจากที่แล้วมาติดราชการอื่นที่สำคัญ
            มากกว่า จึงต้องชะลอการพิจารณาเอาไว้ จนกระทั่งเหมาะสมแล้วที่จะเอากลับมาพิจารณาดำเนินการต่อ 2.

            พระราชบัญญัตินี้วางหลักการขึ้นใหม่ ไม่เคยมีมาก่อน ในการที่จะประสบผลสำเร็จได้ต้องร่วมมือกันระหว่างกระทรวง

            ทบวงการต่าง ๆ ขอให้ออกความเห็นเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ 3. พระราชบัญญัตินี้แปลกใหม่ เมื่อแรกประกาศใช้คนสามัญ

            อาจรู้สึกแปลกได้ ฉะนั้นขอให้ช่วยกัน ป้องกันความเข้าใจผิด ไม่ให้เกิดการติฉินนินทาจากมหาชนด้วย จากนั้นจึงเป็น

                                                           236
            หน้าที่ของอธิบดีกรมสาธารณสุขเป็นประธานในการหารือ
                   ความมุ่งหมายของสภาการสาธารณสุข ตามดำริห์นั้นแบ่งออกเป็นได้ 3 ประการ คือ 1. เพื่อเป็นที่ปรึกษาของ

            รัฐบาลในเรื่องการสาธารณสุขโดยทั่วไป 2. เพื่อเป็นอุปกรณ์แก่การประสานงานในทางสาธารณสุขของประเทศ ทั้งฝ่าย

            ราชการและฝ่ายเชลยศักดิ์ 3. เพื่อทำการสืบสวนในเรื่องที่เกี่ยวด้วยสาธารณสุข เช่น การป้องกันโรคโดยทั่วไปหน้าที่

            เช่นว่านี้ควรเน้นความให้ชัดเจนว่า ไม่ใช่สัมปาทนการ เว้นแต่การสืบสวนค้นคว้าและอำนวยกิจธุระของสภาเองนั้น จะ

                                                                                      237
            ถือว่าเป็นการบังคับบัญชานั้นถูกแล้ว แต่เป็นปัจจัยจำเป็นในอันที่จะเป็นที่ปรึกษาเท่านั้นเอง
                   ในการประชุมครั้งที่ 2 นี้ได้หารือแก้ไขร่างพระราชบัญญัติตามกทงแถลงความเห็นจากกระทรวงทบวงการต่างๆ

                                                  238
            ที่ได้ส่งมอบมาให้ จากนั้นจึงหารือร่างทั้งหมด  เริ่มจาก มาตรา 1 ไม่มีปัญหาต้องพิจารณา ในขณะที่มาตรา 2 ตัด
            มาตราอธิบายศัพท์ออก ผู้แทนแพทยสมาคมรับรองความเห็นของผู้แทนสภากาชาดสยาม ว่าควรตัดบทอธิบายศัพท์

            ออกทั้งมาตรา ที่ประชุมเห็นด้วยทั้งหมด


                   มาตรา 3 ปัญหาเรื่องตั้งสภาเป็นกรม - ผู้แทนกระทรวงพระคลัง ฯ เสนอความเห็นของกระทรวงพระคลัง ฯ ว่า

            ไม่ควรตั้งสภาเป็นกรม และผู้แทนกระทรวงมหาดไทยรับรอง; แก้เป็นมีฐานะเหมือนหนึ่งเป็นกรม - ผู้แทนแพทยสมาคม


                   236  สจช. ม.7/1 (ม-ร.7ม/10) เรื่อง ตั้งสภาสาธารณสุข (2 เม.ย. พ.ศ. 2469 – 12 เม.ย. 2471), หน้า 45-47.

                   237  สจช. ม.7/1 (ม-ร.7ม/10) เรื่อง ตั้งสภาสาธารณสุข (2 เม.ย. พ.ศ. 2469 – 12 เม.ย. 2471), หน้า 49-50.
                   238  สจช. ม.7/1 (ม-ร.7ม/10) เรื่อง ตั้งสภาสาธารณสุข (2 เม.ย. พ.ศ. 2469 – 12 เม.ย. 2471), หน้า 50-58.

                                                            98
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104