Page 103 - b29256_Fulltext
P. 103

หรือไม่ กรมพระนครสวรรค์กราบบังคมทูลตอบไปว่า คำว่านิติบุคคลนั้น พระยาดำรงแพทยคุณ เป็นผู้เสนอแนะนำให้

            เติมเพื่อแก้ฐานะเป็นกรม ด้านมาตรา 5 นั้นมีเจตนาจะหมายถึง Rockefeller Foundations มาแต่ต้น โดยที่จะทำ

            อะไรต้องมาปรึกษากับสภาก่อน แต่จริง ๆ แล้วกระทรวงมหาดไทยและกรมสาธารณสุขนั้น มีหน้าที่เป็นผู้อนุญาต

            หรือไม่อยู่แล้ว นอกจากนั้นเสนาบดีมหาดไทยยังกราบบังคมทูลต่ออีกว่า ในมาตรา 2 นั้น จะเอาผู้แทนกระทรวงออกให้
            หมด เว้นแต่ทบวงการที่เกี่ยวข้องกับ medical service (การบำบัดโรคและการสาธารณสุข) นั้น จะเรียกเข้ามาเป็น

            พิเศษ ด้านกรมพระจันทบุรีมีพระดำรัสว่า เห็นชอบด้วยที่ถอนผู้แทนกระทรวงออกให้หมดและแก้ให้เป็นสภาที่ปรึกษา

            เสนาบดีผู้บัญชาการกรมสาธารณสุข และเมื่อสภามีความเห็นจะทำกฎหมายก็ให้เสนอเสนาบดีขึ้นมาเป็นลำดับ กรม

            พระนครสวรรค์จึงได้รับสั่งว่า Health Institution ที่อื่น มีผู้แทนกระทรวง ข้อสำคัญนั้นให้สภาทำการประสานงานและ

            แนะนำเป็นดีที่สุด โดยได้ยกตัวอย่างการที่ไม่ประสานงานกันในเมืองไทย จากกรณีที่สภากาชาดตั้งสถานีอนามัย แล้ว
            กรมสาธารณสุขมาประมูลตั้งขึ้นอยู่ใกล้ ๆ แข่งกัน ซึ่งมองว่าเปลืองเงินโดยใช่เหตุ โดยได้ดำริว่า เมื่อมี Epidemic (การ

            ระบาด) ขึ้น ควรกำหนดว่ากระทรวงใดจะช่วยเหลือได้อย่างไร นั่นแหละจึงเป็นการประสานงาน พระบาทสมเด็จ

            พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชดำริโปรดเกล้า ฯ ให้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยไปดำริร่างใหม่ตาม Principle

            ที่ได้ปรึกษากันในวันนี้ จากนั้นจึงได้มีการร่างพระราชบัญญัติร่างที่ 3 ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแล้วเสร็จจึงได้มีการนำส่งถึงผู้มี

                                                                                         240
            ส่วนเกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็นและนำเข้าสู่ที่ประชุมเสนาบดีสภาเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่งต่อไป

                   ต่อมาหลวงนรราชจำนงได้มีการทำบันทึกความเห็นเรื่องร่างพระราชบัญญัติสภาการสาธารณสุขประจำชาติ ลง
            วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2470 ขึ้นมา 1 ฉบับ หลวงนรราชจำนงชี้ว่า ตามร่างที่ 2 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ แรกเริ่ม

            ผู้จัดตั้งคิดว่าประสงค์จะให้เป็น Independence Institution (สถาบันอิสระ) แต่จากการแก้ไขร่างครั้งสุดท้าย (ร่างที่ 3)

            กลายเป็นว่าไปขึ้นอยู่กับเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยโดยตรง กล่าวคือ จากในร่างที่ 2 มีอิสระในการดำเนินกิจการ

            โดยตรง (ม.4.1. ร่าง 2) เช่นติดต่อกับสัมปาทิกสาธารสุข (Health Executives) โดยตรงได้ โดยไม่ต้องขออนุญาติจาก

            เสนาบดีเจ้ากระทรวง แต่ในร่างที่ 3 (สุดท้าย) สภาทำงานอยู่ภายใต้การดูแลของเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เป็นองค์

            ปรึกษาของกระทรวง (ม.3.1.) ฉะนั้นการแก้ไขสภาพสภาเป็นแบบนี้จะตรงกับความประสงค์ของเสนาบดีมหาดไทยคน
            ก่อน (สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์) หรือไม่? ที่ต้องการให้เป็นเพียง Board of Health อย่างต่างประเทศ โดย

            เทียบกับสภากาชาด ซึ่งประสงค์ให้สภานี้เป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับกระทรวงใด เป็นแต่ทำงานในหน้าที่ปรึกษาสำหรับสำหรับ

            หระทรวงทบวงการ และคณะแพทย์ที่ติดต่อในทางสาธารณสุข
                                                               241

                   อย่างไรก็ดีกรมพระจันทบุรีได้ทรงพระดำริตั้งแต่ครั้งริเริ่มว่าให้สภาเป็นที่ปรึกษาเสนาบดี ผู้บังคับบัญชากรม

            สาธารณสุข และให้เสนอความเห็นที่จะทำกฎหมายต่อเสนาบดี ซึ่งย่อมอาจจะหมายถึงการขึ้นตรงเสนาบดีโดยตรง การ
            ที่เสนาบดีมหาดไทยให้ร่างโครงร่างใหม่คงทรงเห็นว่า เสนาบดีสภาตกลงตามดำริกรมพระจันทบุรี ซึ่งไม่ทราบว่าเป็น





                   240  สจช. ม.7/1 (ม-ร.7ม/10) เรื่อง ตั้งสภาสาธารณสุข (2 เม.ย. พ.ศ. 2469 – 12 เม.ย. 2471), หน้า 98-99.
                   241  สจช. ม.7/1 (ม-ร.7ม/10) เรื่อง ตั้งสภาสาธารณสุข (2 เม.ย. พ.ศ. 2469 – 12 เม.ย. 2471), หน้า 78-80.

                                                           102
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108