Page 104 - b29256_Fulltext
P. 104

ความปรารถนาที่แท้จริงของรัฐบาลด้วยหรือไม่ที่ต้องการแบบนี้ หลวงนรราชจำนงจึงเสนอว่า ถ้าจะให้เป็น Board of

            Health ตามดำริของกรมพระนครสวรรค์แล้ว ควรให้สภาเป็นอิสระ มีแต่พวกแพทย์หรือผู้แทนคณะแพทย์ (จะเป็นกรม

            ของรัฐบาลหรือคณะเชลยศักดิ์ก็ดี) ที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข แต่ให้ทำการติดต่อกับกระทรวงทบวงการและ

            คณะแพทย์ได้โดยตรง ไม่ต้องอยู่ในบังคับเสนาบดี แม้ว่าอธิบดีกรมสาธารณสุขเป็นนายกโดยตำแหน่ง แต่ก็ให้ทำงานมี
            อิสระ หลวงนรราชจำนงยังคิดต่อไปอีกว่า เสนาบดีสภาคงต้องการให้เป็นแบบนั้นและคงจะหมายความแก้แค่เฉพาะ

            (1.) เอาผู้เป็นแพทย์หรือผู้แทนคณะแพทย์เป็นสมาชิก ตัดข้าราชการอื่น ๆ ออก (2) ไม่ให้สภานี้บังคับบัญชากรม

            สาธารณสุข (3.) ให้มีหน้าที่แค่รับปรึกษาโดยตรงจากกระทรวงทบวงการ จากคณะแพทย์เชลยศักดิ์ หรือ any social

            service ของประเทศ และ (4.) ให้มีอำนาจแค่ออกความเห็นเพื่อประสานงานหรือแก้ไขสิ่งบกพร่องโดยคิดโครงการ

            กฎหมายเป็นต้น หลวงนรราชจำนงจึงตั้งข้อสังเกตอีก 2 ประการว่า 1. ในร่างใหม่ไม่มีข้อกำหนดที่ว่าด้วยระยะเวลา
            วาระการเป็นกรรมการสภาของสมาชิก และ 2. ดูสภาจะไม่มีอำนาจอะไรมากนัด เช่น (ก) สภานายกอาจจัดให้มีที่

            ปรึกษา โดยอนุมัติของกระทรวง (ร่าง 2 ว่าด้วยความยินยอมของสภา) (ข) เมื่อมีปัญหาจะพิจารณา สภานายกเสนอ

            ปัญหาต่อเสนาบดี เสนาบดีเชิญคณะแพทย์มาประชุม (ราวกับว่ามีแค่นายกเป็นสมาชิกถาวรคนเดียว สมาชิกอื่นจะ

            เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเชิญมาให้ประชุม เสร็จเรื่องก็หมดสภาพสมาชิก โดยสรุปความแล้ว หลวงนรราชจำนงเห็นว่า สภานี้แทบ

            ไม่มีประโยชน์อะไรเป็นพิเศษมากกว่าไม่มีสภา เพราะเสนาบดีมหาดไทยเป็นผู้บังคับบัญชา กรมสาธารณสุขก็อาจเชิญ

            คณะแพทยหรือผู้แทนคณะแพทย์ให้แต่งคนมาประชุมได้เสมอ ส่วนหน้าที่สภานายกดูเหมือนเป็นประโยชน์แค่
                                  242
            Secretarial work เท่านั้น

                   ในเวลาต่อมาในการประชุมเสนาบดีสภา เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2470 (2471 หากนับแบบปัจจุบัน) ได้

            มีการหารือในเรื่องพระราชบัญญัติการสาธารณสุขประจำชาติอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้มีการร่างพระราชบัญญัติร่างที่ 3

            ขึ้นมาใหม่แล้ว โดยในรายงานการประชุมเสนาบดีสภาในวันดังกล่าวนี้นั้นได้ระบุประเด็นสำคัญเอาไว้ดังต่อไปนี้ว่า เริ่ม

            การหารือโดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสถามความเห็นต่อเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมและ

            ธรรมการว่าเป็นอย่างไร ซึ่งได้กราบบังคมทูลตอบกลับว่าแก้ไขมาได้ดีแล้ว กรมพระนครสวรรค์จึงได้กราบทูลว่า ร่าง
            พระราชบัญญัติสภานี้ได้เคลื่อนออกไปจากความประสงค์เดิมมาก ไม่ได้เป็น Permanent Board แต่เป็นการเรียก

            ประชุมเป็นคราวๆ ไป เจ้าหน้าที่ใหม่ผู้ที่มาร่างไม่รู้ถึงประสงค์ของการนี้ ซึ่งยังควรต้องแก้อีกมาก และในการที่ร่างมา

            เป็นพระราชบัญญัตินั้นก็เพื่อต้องการให้หม่อมเจ้าสกลวรรณมีอำนาจต่างๆ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลาไป

            มากกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องออกเป็นพระราชบัญญัติก็ได้ ให้ออกประกาศใช้เป็นอย่างตั้งสภาเผยแผ่พาณิชย์และราช

            บัณฑิตยสภาขึ้นก็ได้ จึงได้ให้ร่างประกาศขึ้นฉบับหนึ่ง มาเรียนพระราชปฏิบัติ พระบาทสมเด็จจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ราช

            เลขาธิการอ่านประกาศนี้ต่อที่ประชุม แล้วจึงมีพระราชดำรัสถามความเห็นต่อเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เสนาบดี
            กระทรวงมหาดไทยกราบบังคมทูลว่า ยังมีเรื่องเงินที่จะขอให้กระทรวงพระคลังฯ ช่วยเหลือบ้าง เช่นในส่วนของ





                   242  สจช. ม.7/1 (ม-ร.7ม/10) เรื่อง ตั้งสภาสาธารณสุข (2 เม.ย. พ.ศ. 2469 – 12 เม.ย. 2471), หน้า 96-98.

                                                           103
   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109